“ชายนพ” เปิดประเด็น หลายคนอาจจะมองว่าธุรกิจเพลง เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ เพราะอยู่นอกเหนือความจำเป็นของชีวิต ยามใดเศรษฐกิจทรุด ผู้คนชะลอการจ่ายเงินเพื่อความบันเทิง ย่อมส่งผลต่อค่ายเพลง บางค่ายใหญ่ที่มีนักร้องจ่อคิวเตรียมออกผลงานมานับร้อยเบอร์ ยังต้องยืดเวลาออกไปอย่างไม่มีกำหนด และบางค่ายเพลงก็ปรับกลยุทธเพื่อความอยู่รอด จากการเป็นผู้ผลิตศิลปิน มาเป็นผู้รับจ้างผลิตเพลงให้กับคนที่อยากจะมีผลงานของตัวเอง โดยศิลปินต้องมาพร้อมกับหอบหิ้วเงินทุนเพื่อว่าจ้างค่ายเพลงผลิตผลงานให้ตัวเอง สุดโต่งกว่านั้น บางคนหาญกล้าที่จะตัดสินใจลงทุนทำงานเพลงเองทุกอย่าง โดยไม่ง้อค่ายง้อสังกัดใดทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ศิลปินชื่อว่า“โบกี้-พิชญ์สินี วีระสุทธิมาส”นักร้องประกวดเวที The Voice Thailand Season 4 ปี 2015 ที่สานฝันให้ตัวเองด้วยการออกซิงเกิ้ล “เอาเลย”(Whatever) เพลงรักเนื้อหาแดกดัน จังหวะดนตรีสไตล์ Electronic indie pop จุดเด่นของศิลปินสาว โบกี้-พิชญ์สินี คือ เรียนมาทางสาขาดนตรีโดยตรง ปัจจุบันอยู่ชั้นปี 4 วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล สาชาวิชาขับร้องดนตรีสมัยนิยม เคยได้รับรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมจาก Hot Music Award ในปี 2011 และเข้าประกวดในรายการ The Voice Thailand Season 4 ปี 2015 ก่อนที่จะตัดสินใจทุบกระปุกลงทุนออกผลงานของตัวเอง ซึ่งเป็นงานเพลงที่โบกี้ทำเองทุกขั้นตอน ทั้งแต่งเพลงเองและเป็นโปรดิวเซอร์เอง ปล่อยซิงเกิ้ลแรก“เอาเลย”(Whatever) และที่สำคัญเธอยังยึดมั่นที่จะคงคอนเซ็ปต์ลงทุนทำเพลงเองทุกขั้นตอนไปเรื่อยๆ “จริงๆ มันเริ่มจากการอยู่กับตัวเองของโบ โบเป็นคนชอบเก็บตัวอยู่แต่ห้อง ไม่ค่อยชอบออกไปไหนเท่าไหร่ แล้วเวลาอยู่ห้องเราก็จะมีกิจวัตรที่เราทำทุกวัน เช่น แปรงขนให้เจ้าหมา วาดรูป ให้อาหารปลา เล่นดนตรี และการทำเพลง ก็เป็นหนึ่งในกิจวัตรที่โบต้องทำทุกวันเมื่อล้มตัวลงบนเตียงและเปิดคอมฯ ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย และก็นับว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะแต่งเพลงไปเรื่อยๆค่ะ อาจจะร้องเอง แต่ถ้ามีโอกาสก็อยากจะแต่งให้คนอื่นๆได้ร้องบ้างก็ดีเหมือนกันนะ” “การเริ่มต้นลงทุนทำงานเพลงของตัวเองทุกอย่าง เพราะอยากจะเห็นข้อดีข้อเสียของมัน ในอนาคตจะได้ปรับใช้ถูกว่าเราควรทำอะไรต่อ สิ่งที่พลาดก็เก็บไว้เป็นสิ่งที่จะแก้ไขในอนาคต อยากลองทำทุกอย่างเองไม่ว่าจะเป็นทั้งเพลงทั้งเอ็มวีทั้งอาร์ทเวิร์ค อย่างน้อยถ้ามันไม่เวิร์คก็ยังได้เป็นประสบการณ์” ต่อข้อถามถึงการที่โบกี้ เข้าประกวดร้องเพลงเวทีใหญ่ อย่าง The Voice Thailand เป็นการวางแผนคิดการไกลไว้ล่วงหน้าว่าจะสามารถเป็นบันไดไต่ขึ้นไปเป็นนักร้องโด่งดังในอนาคต หรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่มีการวางแผนเตรียมการใดใดทั้งสิ้น “ไม่มีการวางแผนอะไรสักอย่างเกิดขึ้นในตอนนั้น เนื่องจากตัวโบเป็นคนไม่ชอบที่จะประกวดหรือแข่งขัน แต่มันเหมือนเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในจิตใจตอนนั้น ที่ต้องเอาชนะข้ามผ่านความกลัวของตัวเอง และได้เปิดหูเปิดตาเปิดใจดูโลกดนตรี ว่าเค้าไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ใช้เวลาตัดสินใจอยู่หลายปีจนข้ามซีซั่นไปก็ไม่ได้ประกวดสักที จนสุดท้ายก็ตัดสินใจลองดูสักครั้ง เหมือนเป็นการมอบโอกาศให้ตัวเอง” นิยามการเป็นนักร้องที่ดีสำหรับศิลปินสาวโบกี้ เธอให้คำจำกัดความไว้อย่างน่าคิด เพราะไม่ใช่แค่การแหกปากตะโกนร้องเพลงเท่านั้น แต่นักร้องต้องรับผิดชอบการร้องเพลงบนเวที และเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย “การเป็นนักร้องที่ดี มันไม่ใช่แค่ความเป็นนักร้อง แต่มันต้องมีจิตใจของความคนดนตรีอยู่ในนั้นด้วย ในมุมมองโบคือมันไม่เหมือนกัน เวลาเราไปดูคอนเสิร์ต เรามองขึ้นไปบนเวที เราสามารถร้องเพลงตะโกนแหกปากร้องอย่างสนุกสนานแบบไม่จำเป็นต้องแคร์อะไร แต่ถ้ากลับกัน เราไปยืนบนเวทีแล้วมองลงมา นอกจากเราไม่สามารถจะแหกปากไปมั่วๆ เพราะเราต้องคอนโทรกับเสียงตัวเอง ให้คอนเนคกับเสียงดนตรี เรายังจะต้องฟังเสียงดนตรี ฟังเสียงคนดูข้างล่าง ฟังเสียงตัวเองในมอนิเตอร์ ฟังผลตอบรับจากการเอนเตอร์เทนของเรา สำหรับโบแล้ว นักร้องที่ดี ไม่ได้เป็นแค่นักร้อง แต่ยังต้องเป็นผู้เล่น และเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย” ทิ้งท้ายกับคำพูดชวนให้ติดตาม สำหรับศิลปินสาวโบกี้คนนี้ เธอกล่าวว่า “ในยุคสมัยนี้มีคนดนตรีหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวัน มีเพลงหลากหลายแนวเกิดขึ้น การเข้าถึงก็ง่ายขึ้น เพราะโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค มันก็เป็นสิ่งที่ดี ที่ใครๆก็มีโอกาสให้ใครเข้าถึงผลงานของตัวเองได้มากขึ้น แต่ข้อเสีย ก็นั่นแหละ ทุกอย่างมันง่ายเกินไป มันมาเร็วเกินไป และก็จากไปเร็วเช่นกัน ผลงานคุณภาพเท่านั้นที่จะคงอยู่” คงต้องติดตามตอนต่อไปว่าคำพูดของศิลปินสาวโบกี้ จะเรียกเสียงปรบมือดังดังจากคนฟังเพลง หรือจะเป็นเพียงอากาศธาตุที่ผ่านเข้ามาในวงการเพลงแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น