คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย การเลือกเฟ้นของค่ายพรรคเดโมแครต เพื่อต้องการที่จะหาตัวแทนเข้าไปแข่งขันประลองฝืมือประชันเวทีบ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ในขณะนี้กำลังเข้มข้นและทวีความมันส์มากขึ้นทุกๆที จากผู้สมัครของพรรคเดโมแครตที่เคยมี 24 คน แต่ตอนนี้เหลือแค่เพียง 20 คน อีกทั้ง “วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน” ที่เคยถูกมองว่า “ไม่มีคุณสมบัติเหมาะสม” แต่ตอนนี้กลับปรากฎว่า “เธอได้กลายเป็นนักการเมืองที่สมาชิกในค่ายพรรคเดแครตต่างชื่นชมและกระตือรือร้นที่จะให้การสนับสนุน” เมื่อเย็นวันจันทร์ที่ 16 กันยายนนี้ ได้มีผู้ให้การสนับสนุนกว่าสองหมื่นคนเดินทางไปฟังคำปราศรัยของวุฒิสมาชิกวอร์เรน ณ กรุงนิวยอร์ก ที่ตั้งอยู่ห่างจากทรัมป์ทาวเวอร์เพียงห้ากิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้สนับสนุนแห่แหนไปให้กำลังใจเธอมากที่สุด!!! และถึงแม้ว่าวันนั้นจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักก็ตาม แต่ผู้ที่ให้การสนับสนุนวุฒิสมาชิกวอร์เรนก็มิได้หวั่นไหวเกรงกลัวต่อสายฝนที่กระหน่ำเทลงมา นับว่าสร้างความตื่นเต้นให้แก่บรรดาสมาชิกในพรรคเดโมแครตที่เริ่มมองเห็นแววของวุฒิสมาชิกวอร์เรนมากที่สุดเท่าที่ผ่านมา ทั้งนี้ฝูงชนที่แห่แหนไปสนับสนุนวุฒสมาชิกวอร์เรน มิได้มีแต่ที่กรุงนิวยอร์กแห่งเดียวเท่านั้น แต่ยังปรากฏอีกด้วยว่า เมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ ก็ได้มีผู้ที่เดินทางไปให้การสนับสนุนเธอ ณ เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ถึง 15,000 คน และอีก 12,000 คน ที่เมืองเซ็นต์พอล รัฐมิเนสโซต้า ส่วนลีลาการโต้วาทีที่ช่ำชองและเชี่ยวชาญของวุฒิสมาชิกวอร์เรนก็ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเธอเป็นนักโต้วาทีตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือในระดับไฮสกูล และยังเป็นอดีตศาสตราจารย์ ทางด้านกฏหมายในมหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐอเมริกาหลายสถาบันและล่าสุดที่ฮาร์วาร์ด ยาวนานถึงสิบปี โดยเธอมีตำแหน่งมั่นคงที่เรียกว่า “Tenure Professor” ที่ได้รับสิทธิ์ให้อยู่ในตำแหน่งอย่างถาวร แถมยังมีสิทธิเสรีภาพแบบไร้ขอบเขตอีกด้วย ทั้งนี้วุฒิสมาชิกหญิงเหล็กอลิซาเบธ วอร์เรน หาได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เลยแม้แต่น้อย โดยเธอเปิดหน้าวางตัวเป็นศัตรูกับเขามาตั้งแต่ต้น และเธอยังได้ออกมาประกาศท้าทายว่า “พร้อมแล้วที่จะโต้วาทีกับประธานาธิบดีทรัมป์ในทุกๆรูปแบบ” อนึ่งวุฒิสมาชิกวอร์เรนเป็นคนพูดตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม นับเป็นคุณสมบัติที่ติดประจำตัวของเธอ มีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจตน์จำนงต้องการให้มีการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ในขณะที่นักการเมืองคนอื่นๆพยายามจะหลีกเลี่ยงก็ตาม ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์เคยมีความกังวลต่ออดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน มากทีเดียว เนื่องจากผลการหยั่งเสียงของฟ็อกซ์นิวส์เมื่อสองสัปดาห์ก่อนออกมาว่า คะแนนนิยมของไบเดนนำหน้าเขาถึง 14% แต่ขณะนี้ดูเหมือนวุฒิสมาชิกวอร์เรนได้กลายเป็นนักการเมืองคนใหม่ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความเกรงกลัวและกังวลไปว่า “เธอคือคู่แข่งที่น่าอันตรายที่สุด” และจากการหยั่งเสียงของซีเอ็นเอ็น ร่วมกับหนังสือพิมพ์ Des Moines Register ที่เปิดเผยออกมาเมื่อสองสัปดาห์ก่อนนี้ โดยระบุว่า คะแนนของวุฒิสมาชิกวอร์เรนกำลังแซงขึ้นหน้าอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่รัฐไอโอวา ซึ่งจะเป็นรัฐแรกที่จะจัดให้มีการแข่งขันขั้นต้นในอีกห้าเดือนข้างหน้า!!! และโดยปกติแล้วใครก็ตามที่ได้รับชัยชนะในรัฐนี้ โอกาสที่จะได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของแต่ละพรรคมีค่อนข้างสูงมากทีเดียว ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน ทำนองเดียวกับเมื่อสมัยของประธานาธิบดีบารัก โอมาบา ที่แม้ว่าเขาจะได้รับคะแนนนิยมเกือบจะรั้งท้าย แต่กลับปรากฏว่า เมื่อเขาได้รับชัยชนะในรัฐไอโอวา คะแนนนิยมของเขากลับแซงขึ้นหน้าคู่แข่งขันทุกๆคน และเป็นตัวจุดประกายให้เขาได้รับชัยชนะในรัฐต่อๆไปอีกด้วย จนได้กลายเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในที่สุด อย่างไรก็ตามขณะนี้ปรากฎว่า คะแนนนิยมของวุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน ในรัฐไอโอวา ได้มีเพิ่มสูงขึ้นมากถึง 6% ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ และหากว่านักการเมืองพรรคเดโมแครตคนอื่นๆจะประกาศถอนตัวออกไปอีกเรื่อยๆ โอกาสของวุฒิสมาชิกวอร์เรนที่จะแซงขึ้นหน้าอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดิน ก็ย่อมจะมีสูงมากด้วยเช่นกัน แล้วอะไรคือประเด็นที่ทำให้คะแนนนิยมของวุฒิสมาชิกวอร์เรนพุ่งสูงมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ ความกระตือรือร้นของสมาชิกพรรคเดโมแครตที่เล็งเห็นว่า “จากผลโพลของทุกๆสำนักวุฒิสมาชิกวอร์เรนคือผู้ที่มีคะแนนนำเหนือประธานาธิบดีทรัมป์” ส่วนความกระตือรือร้นของสมาชิกค่ายพรรคเดโมแครตที่เคยให้การสนับสนุนต่อ โจ ไบเดน 17% เมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ แต่ขณะนี้กลับลดลงเหลือแค่เพียง 12% อย่างไรก็ตามคำปราศรัยยาวห้าสิบนาทีของวุฒิสมาชิกวอร์เรน ณ นครนิวยอร์กเมื่อวันที่ 16 กันยายนนี้ เธอได้ชูประเด็นว่า จะปราบปรามคอร์รัปชั่นอย่างจริงจังทันทีที่เธอมีโอกาสได้เข้าสู่ทำเนียบขาว!!! ตอนหนึ่งวอร์เรนได้ชี้ว่า “ขณะนี้อำนาจต่างๆอยู่ในมือของกลุ่มคนรวย ที่มุ่งกอบโกยผลประโยชน์เข้าหาพรรคพวกตนเอง” ซึ่งได้เรียกเสียงเชียร์ดังกึกก้อง และยังมีตอนหนึ่งที่เธอกล่าวว่า จะขึ้นภาษีคนรวย 2% ก็ได้รับเสียงเชียร์ดังกระหึ่มอีกครั้ง นโยบายหลักๆของวุฒิสมาชิกวอร์เรนได้แก่ คนอเมริกันทุกคนควรจะมีสิทธิ์ในสวัสดิการด้านสุขภาพ โดยจะเห็นได้ว่า เธอได้ดำเนินตามรอยของประธานาธิบดีบารัก โอบามา อีกทั้งเธอยังชูนโยบายต้องการที่จะยกเลิกหนี้สินเงินกู้ของนักศึกษาทุกๆคน จากข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์นี้ระบุว่า ยอดจากทั้งอดีตและปัจจุบันของจำนวนนักศึกษาอเมริกันที่เป็นหนี้เงินที่กู้มาเรียนหนังสืออยู่ที่ 44 ล้านคน และมียอดหนี้สิ้นรวมทั้งหมด 1.5 ล้านล้านเหรียญ และบางรายยังจ่ายล่าช้าที่มีมากถึง 11.4% นัยหนึ่งวุฒิสมาชิกวอร์เรนอาจจะเสนอนโยบายเพื่อเอาใจคนหนุ่มสาว ซึ่งขณะนี้พวกเขากำลังแบกภาระหนี้เงินกู้กันจนหลังแอ่นหนักมากทีเดียว!!! วุฒิสมาชิกวอร์เรนยังกล้าท้าทาย โดยเธอได้ชูประเด็นที่ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ คือ ประธานาธิบดีที่ยอดแย่ และยังอันตรายมากที่สุดของสหรัฐอเมริกา” กล่าวโดยสรุปหากว่าคะแนนนิยมของวุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน ยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากเท่าที่เป็นอยู่ โอกาสที่เธอจะได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตก็ย่อมจะมีค่อนข้างสูง และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆโอกาสที่เธอจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสตรีคนแรกของสหรัฐฯที่ก้าวเข้าไปสู่ทำเนียบขาวก็ย่อมจะมีค่อนข้างสูง แต่เธอก็จำต้องพึงสังวรณ์และต้องไม่ลืมอีกด้วยเช่นกันว่า เล่ห์เหลี่ยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่างแสนจะแพรวพราวมิใช่ธรรมดา เหมือนดั่งกับที่ฮิลลารี่ คลินตัน เคยได้ประสบพบพานจนต้องเจ็บปวดรวดร้าวมาแล้วละครับ