บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดกิจกรรมทดสอบหรือทดลองขับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ตใหม่ บนเส้นทาง กรุงเทพฯ–หัวหิน ผ่านอำเภอแก่งกระจาน สื่อมวลชนหลายต่อหลายแขนงได้สัมผัสกับมาตรฐานใหม่ของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดสมรรถนะการขับขี่แบบออฟโรดที่เป็นเอกลักษณ์ของ ปาเจโร ผสานเข้ากับความสะดวกสบายและความหรูหรา มร.โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต เป็นรถอเนกประสงค์ระดับพรีเมียมที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนา ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ได้นำคุณสมบัติที่โดดเด่นมาพัฒนาและยกระดับให้ดียิ่งขึ้นเพื่อสะท้อนความสำเร็จของผู้ขับขี่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ที่เหนือกว่าภายใต้แนวคิด ‘ความสำเร็จที่เป็นคุณ ซึ่งทางมิตซูบิชิยังคงมีความมุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่องกับ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ที่ได้รับการยกระดับทั้งด้านดีไซน์อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี ผสานความโดดเด่น ความหรูหราและความอัจฉริยะ ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถอเนกประสงค์ที่มีอุปกรณ์ครบครันมากที่สุดในระดับเดียวกัน กิจกรรมการทดสอบหรือทดลองขับเริ่มต้นที่ร้านอาหารใจกลางกรุงเทพฯ มีการบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์และการปล่อยขบวนรถยนต์ทดสอบขับ ทั้งนี้ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นด้วยการออกแบบด้านหน้าแบบ Advanced ‘Dynamic Shield’ เอกลักษณ์ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทรงพลังและสง่างาม ชุดไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ และชุดไฟคอมบิเนชั่นที่ติดตั้งอยู่ด้านนอกของกันชนหน้า เพิ่มประโยชน์ใช้สอยและเน้นย้ำรูปลักษณ์ที่บึกบึนและทรงพลัง ถ่ายทอดเส้นสายที่แข็งแกร่งด้วยการยกขอบฝากระโปรงให้สูงกว่าเดิม ช่วยป้องกัน ความเสียหายจากน้ำท่วมและสิ่งกีดขวางอื่นๆ ดีไซน์ด้านหลังของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ บ่งบอกถึงเสถียรภาพและความแข็งแกร่ง ด้วยกันชนขนาดใหญ่และแผงกันกระแทกด้านล่าง บันไดข้างติดตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้นเพื่อเพิ่มสมรรถนะ บนเส้นทางออฟโรด มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังโดดเด่นมากขึ้นด้วยไฟท้ายดีไซน์ใหม่ เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 18 นิ้ว ภายในตัวรถสื่อมวลชนจะได้สัมผัสกับการออกแบบห้องโดยสารของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ที่หรูหราประณีตพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอันครบครัน เริ่มจากเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและควบคุมการใช้งานด้วยจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้วใหม่ที่ง่ายต่อการอ่าน มีการแสดงผลมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์และข้อมูลอื่นๆ ของตัวรถ พร้อมกับแสดงสถานะของระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 3 แบบ รองรับเมนูภาษาไทย สามารถเชื่อมต่อและแสดงข้อมูลจากหน้าจอระบบสัมผัส SDA (Smartphone-link Display Audio) ขนาด 8 นิ้ว จึงไม่ต้องละสายตาจากจอแสดงข้อมูลขับขี่ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน และแอปเปิลคาร์เพลย์ ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส และการสั่งงานด้วยเสียง ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเพลิดเพลินกับระบบความบันเทิงตลอดการเดินทางด้วยจอภาพพร้อมรีโมทคอนโทรล ขนาด 12.1 นิ้ว ติดตั้งบนเพดานรถ รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และสมาร์ทโฟนผ่าน HDMI ห้องโดยสารปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยและความสะดวกสบาย พื้นที่บริเวณหัวเข่าและข้อศอกกว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมติดตั้งวัสดุบุนุ่มบริเวณมือจับประตูและคอนโซลกลางเพื่อยกระดับความสะดวกสบายขึ้นไปอีกขั้น ห้องโดยสารมีการติดตั้งช่องเก็บของเพิ่มที่บริเวณหน้าคันเกียร์ และช่องวางของที่ด้านล่างของคอนโซลกลาง พร้อมติดตั้งเพิ่มช่องจ่ายไฟและพอร์ท USB สำหรับชาร์จไฟ หลังจากการบรรยายข้อมูลผลิตภัณฑ์ สื่อมวลชนได้ออกเดินทางในช่วงแรกโดยมีระยะทาง 180 กม. มุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานผ่านการจราจรที่หนาแน่นในเมือง เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ทั้ง ระบบเบรกมืออัตโนมัติ Auto Parking Brake (APB) และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อจอดอยู่กับที่ Brake Auto Hold (BAH) บนถนนสายหลักและถนนสายรองที่คดเคี้ยวยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ทดสอบสมรรถนะแบบออนโรดของ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร MIVEC VG Turbo Clean Diesel 181 แรงม้าและแรงบิด 430 นิวตันเมตร อัตราเร่งตอบสนองอย่างดีเยี่ยมและต่อเนื่อง ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด สื่อมวลชนยังได้ทดสอบฟีเจอร์ใหม่บนถนนอย่าง ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา พร้อมระบบส่งสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (BSW with LCA) ซึ่งใช้เรดาร์ที่ติดตั้งบริเวณกันชนหลังในการตรวจจับรถคันหลังที่วิ่งอยู่ในช่องจราจรถัดไป ก่อนแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยสัญญาณไฟกระพริบบนกระจกมองข้างและแจ้งเตือนผ่านสัญญาณเสียงถ้าผู้ขับขี่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเปลี่ยนช่องจราจรและตรวจพบว่ามีรถคันหลังอยู่ในจุดอับสายตากำลังวิ่งใกล้เข้ามาในช่องจราจรนั้น เมื่อถึงอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขบวนของสื่อมวลชนเข้าสู่เส้นทางออฟโรดธรรมชาติระยะทาง 9 กม. เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อน4 ล้อ Super Select 4WD-II ที่มาพร้อม 4 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมด 2H ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD High-Range) โหมด 4H (4WD High-Range) ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time All Wheel Control โหมด 4HLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง (4WD High-Range with Locked Transfer) และ โหมด 4LLc ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำ (4WD Low-Range with Locked Transfer) นอกจากนี้ ยังมาพร้อมโหมดออฟโรด 4 รูปแบบ ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock รวมทั้งระบบล็อกเฟืองท้าย สถานีการทดสอบแบบออฟโรดยังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ใช้ฟังก์ชั่น กล้องมองภาพรอบคัน (Multi Around Monitor) ซึ่งจับภาพแบบ 360 องศารอบตัวรถและแสดงภาพสิ่งกีดขวางจากมุมสูงพร้อมเส้นกะระยะและเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นใหม่ ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด (RCTA) ช่วยเตือนผู้ขับขี่เมื่อมีรถคันอื่นอยู่ด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญคือประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมการสั่งงานด้วยระบบแฮนด์ฟรี ทำงานร่วมกับระบบมิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานเปิด-ปิดประตูท้ายผ่านสมาร์ทโฟน โดยสามารถตั้งค่าให้เปิดหรือปิดอัตโนมัติเมื่อผู้ขับขี่เดินเข้ามาใกล้หรือเดินออกห่างจากตัวรถ นอกจากการสั่งงานเปิด-ปิดประตูท้าย ระบบ มิตซูบิชิ รีโมท คอนโทรล สามารถแสดงข้อมูลเกี่ยวกับสถานะตัวรถ ข้อมูลการใช้งาน การแจ้งเตือนระบบ และการสั่งงานอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของผู้ขับขี่ผ่านสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์แวเรเบิล สามารถส่งคำสั่งได้จากทุกที่ในระยะของการเชื่อมต่อรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชัน โดยทำงานควบคู่กับระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS หรือเมื่ออยู่ในระยะสัญญาณบลูทูธ นอกจากอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและฟีเจอร์ใหม่ข้างต้น มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ยังครบครันด้วยเทคโนโลยีระบบความปลอดภัยทั้งแบบป้องกันและแบบปกป้องมากที่สุดเมื่อเทียบกับรถอเนกประสงค์ในระดับเดียวกัน ระบบความปลอดภัยประกอบด้วยระบบเตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (FCM) ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวพร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และระบบอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยอัจฉริยะ (ETACS) เทคโนโลยีความปลอดภัยแบบปกป้องได้แก่ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง และโครงสร้างตัวถังนิรภัย RISE (Reinforced Impact Safety Evolution) ที่ใช้เหล็กแรงดึงสูงเพื่อช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารจากการชนทุกทิศทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด เจ้าของรถ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ สามารถใช้งานรถได้ด้วยความมั่นใจและปลอดภัยยิ่งกว่าเดิมด้วยแอพพลิเคชั่น M-Connect รองรับการเชื่อมต่อข้อมูลของตัวรถไปยังสมาร์ทโฟน โดยมี 4 เมนูหลัก ได้แก่1.Roadside Assistance บริการช่วยเหลือบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมงเมื่อสั่งการผ่าน สมาร์ทโฟน และหน้าจอระบบสัมผัส SDA 2.Vehicle Information การรายงานข้อมูลทั้งสภาพรถ ประวัติการเข้ารับบริการ และ แสดงข้อมูลตัวขณะขับขี่ 3.Vehicle Health Report การแจ้งเตือนสถานะของตัวรถเพื่อการตรวจสอบและซ่อมบำรุง อาทิ ระบบกุญแจอัจฉริยะ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเบรกเป็นต้น และ 4.Emergency Call การประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยระบบนี้ทำงานทันทีเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานหรือสั่งการผ่านสมาร์ทโฟนและหน้าจอระบบสัมผัส SDA บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดราคา ปาเจโร สปอร์ต ใหม่ ไว้ดังนี้ รุ่น 2WD GTราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาท รุ่น 2WD GT-PREMIUM ราคาเริ่มต้น 1,469,000 บาท และ รุ่น 4WD GT-PREMIUM ราคาเริ่มต้น 1,599,000 บาท