หนึ่งในความคิดที่ทำให้ชีวิตหลายๆคนต้องสะดุดหยุดชะงักคือความกลัวที่จะเริ่มต้น แต่ไม่ใช่ “เนื้อแพร” สาวน้อยมาความสามารถลูกแม่โดม “เนื้อแพร” หรือ “เนื้อแพร ดวงศรี” กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่2 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี หลักสูตรนานาชาติ (BBA-Thammasat University) เอกการบัญชี (Accounting) โทการตลาด (Marketing) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งความสำเร็จในวันนี้ไม่ใช่เพียงแต่ความ “กล้า” ที่จะ “เริ่มต้น” หากแต่ยังเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์และการเรียนรู้ โดยเนื้อแพรเล่าให้ฟังว่า จริงๆแล้วเริ่มจากเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ห้องเรียนพิเศษ IMP ซึ่งในห้องนี้จะสอนให้เด็กรู้จักการเขียนโปรแกม และส่งประกวดเข้ารายการต่างๆ พอเราเริ่มลงแข่งขันการแข่งขันโปรแกรม ก็เลยทำให้เราค้นพบว่าจริงๆแล้วเทคโนโลยีที่ดี ก็จำเป็นต้องมี Business model การวางแผนทำการตลาดที่ดีเหมือนกัน ถึงจะสามารถต่อยอดเอาไปทำเป็นธุรกิจ หรือนวัตกรรมในชีวิตจริงได้ ก็เลยทำให้เราค้นพบตัวว่าจริงๆแล้ว ชอบสายการทำธุรกิจมากกว่า แล้วก็เนื่องจากเรามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีมาบ้าง ส่วนนี้ก็ช่วยให้เราสามารถมองศักยภาพในการทำธุรกิจเกี่ยวกับ Technology หรือ Startup ได้ชัดเจนมากขึ้นด้วยค่ะ เมื่อพลิกดูโปรไฟล์บอกได้เลยว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆเพราะเธอสะสมผลงานมาตั้งแต่ระดับมัธยมปลาย โดยได้รับทุนสนับสนุนรอบสอง การแข่งขัน National Software Competition 2017, ได้รับรางวัล Best Software Innovation in Jammies 2016 @CS Festival, ได้รับรางวัลชนะเลิศ Business planning competition งาน IT Ladkrabang Openhouse, ได้รับรางวัลเหรียญทองการแข่งขัน Business Software Project ที่งานศิลปะหัตกรรมระดับเขตการศึกษา กระทั่งในระดับมหาวิทยาลัยเนื้อแพรยังเดินหน้าเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 งาน KTB Young Enterprise Awards 16th จัดโดย ธนาคารกรุงไทย, Finalist & 3rd place runner up ของ The Challenger 2019 (การแข่งขัน case competition)
ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ1 ประกวดไอเดียwow ประจำเดือนกรกฎาคม หัวข้อ ธุรกิจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับรางวัลชนะเลิศ ในการแข่งขัน China-ASEAN new smart city innovation & Entrepreneurship Competition ประเภท open-category ณ สาธารณประชาชนจีน เมืองหนานหนิง
เนื้อแพรเผยถึงความสำเร็จล่าสุดที่สามารถคว้าชัยให้ประเทศไทยว่า การแข่งขัน China-ASEAN new smart city innovation & Entrepreneurship Competition เป็นการแข่งขันค้นหาสุดยอดไอเดีย Startup ที่จะมาช่วยสร้าง Smart City ในอนาคต ซึ่งต้องมี Innovation ที่ดี และมี Potential ในตัวBusiness model ซึ่งในครั้งนี้มีหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขันมาก แต่จะมีแค่ประเทศจีนและประเทศในอาเซียน เช่น สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย ประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีคนจากฝั่งตะวันตก แต่ทำธุรกิจอยู่ในภูมิภาคอาเซียนก็สามารถลงแข่งในประเทศ Startup-category ได้ด้วยค่ะ ความน่าสนใจของรายการนี้ เป็นรายการที่จะให้โอกาสเราได้มีโอกาสไปดูmarket opportunityที่เมืองจีน ที่เมืองหนานหนิงด้วย ซึ่งในปัจจุบันประเทศจีน ถือเป็นmarketสำคัญหลักๆของโลกเลย ซึ่งในการแข่งครั้งนี้มีโอกาสได้ไปทัวร์ Nanning Innovation Center, บริษัทStartup ใหญ่ๆของเมือง เช่น Cloudbae และที่สำคัญคือ เมืองหนานหนิงเนี่ย ตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศจีน และภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากทำเลที่ตั้งอยู่ใกล้อาเซียนมากๆค่ะ ซึ่งนี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่เราจะได้สร้างconnection เพื่อต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต และนอกจากนี้พิเศษสุดๆคือ รายการแข่งขันนี้เป็นรายการแข่งขันผ่านทางทีวีด้วย ก็จะทำให้โอกาสที่ไอเดียของเราจะเป็นที่รู้จัก และมี Investor มาสนใจได้ค่า ซึ่งเราได้ไปแข่งขันกันที่ Guanxi TV station จุดเด่นที่คิดว่าทำให้ชนะใจกรรมการเนื้อแพรบอกว่าคือ "แอปพลิเคชั่น" ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นเพื่อติดตาม และตามหาผู้ป่วยอัลไซเมอร์ผ่านฟังก์ชั่น 1.Crowdsourcing 2.Geo-fencing 3.Real time tracking ผ่านชิปบนตัวผู้ป่วย ซึ่งจะทำให้ญาติๆผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถรู้ตำแหน่งของผู้ป่วยและให้ความช่วยเหลือได้ทันที ผ่านการใช้งานฟังก์ชั่น Crowdsourcing ซึ่งการนำเสนอหลักๆจะแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ 1.Problems ปัญหาที่เราเจอคืออะไร มันมีคนที่เจอปัญหานี้มากแค่ไหน มีจริงหรือเปล่า 2.Solutions เมื่อเราได้ปัญหามาแล้วเราสามารถแก้ปัญหาได้อย่างไร ใช้เทคโนโลยี หรือคอนเซ็ปต์อะไรในการแก้ปัญหา 3.Busines model พูดถึงmarket size ที่มีในปัจจุบัน โอกาสได้ส่วนแบ่ง โอกาสทำกำไร เราสามารถ make money จากไอเดียนี้จากทางไหนได้บ้าง ซึ่งพาร์ทสุดท้ายจะเป็นพาร์ทที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้กรรมการ หรือ investor สนใจในไอเดียเราว่ามี potrntial ที่จะเกิดขึ้นจริงได้ไหม “อาจจะเป็นเพราะว่าเราได้มีโอกาสเจอผู้ป่วยอัลไซเมอร์ในชีวิตจริงด้วย และเราศึกษาไอเดียจริงจังมาเกือบ2ปี ทำให้เราเข้าใจปัญหาที่แท้จริงแล้วเราสามารถถ่ายทอดออกมาให้ทุกคนสามารถเห็นภ่พได้ชัดเจนว่า โรคนี้มันมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน เหตุการณ์แบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเราทุกคนก็สามารถร่วมมือกันช่วยแก้ไขปัญหานี้แบะเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้ผ่านแอปพลิเคชั่นนี้ คิดว่าเรามี passion + intension ที่แข็งมากที่จะมาพูดเป็นกระบอกเสียงเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ป่วยอัลไซเมอร์จริงๆ ส่วนที่2 คือคิดว่าการทำการบ้านในการทำ Business model ของเราค่อนแข็งแรง เราคิดแบบละเอียดมาก คิดว่าแต่ละไตรมาสเราจะไปในตลาดไหน ต้องเติบโตเท่าไหร่ ประมาณการณ์ผู้ใช้ในปีที่1-3 ไว้แบบคร่าวๆเลย ซึ่งทำให้กรรมการมองเห็นว่าเรามีศักยภาพจริงที่จะสร้างมันให้เกิดขึ้นจริงได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะเป็นความเข้าใจจริงในงานของเรา และความจริงใจ ตอนกรรมการถามว่า “Are you ready?” เราตอบกรรมการไปแบบมั่นใจมากว่า นาทีนี้ยังไงก็ต้องมั่นใจแล้ว เราทำโปรเจคมาเกือบ2 ปี ถ้าเปรียบเสมือนคนก็คงเหมือนคุณแม่ที่ค่อยๆฟูมฟักลูกคนนี้ออกมา เพราะฉะนั้นถ้าไม่ใช่เราขึ้นไปพูด ก็คงจะไม่มีใครพูดถึงโปรเจคได้เข้าใจดีและมีความตั้งใจมากเท่าเราแล้ว เพราะฉะนั้นนี่ถือเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ take a first move และเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ช่วยเหลือสังคมได้บ้าง” เนื้อแพรกล่าวเสริม เนื้อแพรยังได้เผยเคล็ดลับความสำเร็จว่าคือ “ความตั้งใจ” หลายคนอาจจะพูดว่าทำสองอย่างค่อนข้างแบ่งเวลายาก จริงๆแล้วเองก็มีปัญหาในการแบ่งเวลาช่วยแรกๆเหมือนกัน แต่เมื่อเราตั้งใจ ที่จะทำอะไรสักอย่างแล้วเราจะสามารถทำมันได้ออกมาดี เมื่อเราตั้งใจที่จะอ่านหนังสือในเวลาก่อนสอบ ถ้าเราตั้งใจทุ่มเท ผลก็จะออกมาโอเค เมื่อเราทำงานเมื่อเราตั้งใจจริงที่จะสร้างโปรเจคนี้ออกมา ก็จะสามารถออกมาได้ เมื่อเราตั้งใจว่าจะแบ่งเวลาบาลานซ์สองสิ่งนี้ได้ เราก็จะสามารถทำได้ค่ะ เพราะฉะนั้นความตั้งใจสำคัญมากๆ ส่วนตัวเวลา focus ตั้งใจจะทำอะไรแล้วจะทำให้สุด จะได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน ขอแค่ให้ตั้งใจทำให้เต็มที่ ข้อคิดสำคัญที่อยากฝากและเป็นข้อคิดประจำใจคือ "ไม่มีใครแก่เกินกว่าจะเริ่มต้นฉันใด ก็ไม่มีใครเด็กเกินจะเริ่มต้นฉันนั้น" คือในชีวิตที่ผ่านมาหนูก็เคยคิดและเคยได้ยินหลายคนพูดมาว่า "เรายังเด็ก เรายังไม่พร้อมจะทำนู่นทำนี่หรอก" ซึ่งเอาจริงๆแล้ว คำว่า "พร้อม" กับ "ไม่พร้อม" มันมีเส้นบางๆที่เรียกว่าการตัดสินใจคั่นอยู่ การที่เราเริ่มลงมือทำอะไรก็ตามที่อยากทำก่อน ถือเป็นกำไรชีวิต กรรมการที่จีนเคยบอกว่า เวลาเราล้มเหลวในระหว่างที่เรียน costมันไม่สูง เราถือว่าเราได้เรียนรู้ แต่ถ้าเราไม่ลองเลยแล้วไปล้มในชีวิตการทำงานจริง cost ของมันสูงกว่าเยอะ เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว การที่เราเริ่มก่อน เราได้เปรียบ อย่าคิดว่า เริ่มแล้วต้องประสบความสำเร็จเลย เพราะขนาดแข่งครั้งแรกจำได้เลย โดนกรรมการติหนักมากจนกลับบ้านร้องไห้ แต่พอเราตัดสินใจก้าวข้ามความรู้เสียใจตรงนั้นมาเป็นแรงผลักดันเรา ทำให้เรารู้สึกว่าไม่มีคำว่าพร้อม หรือไม่พร้อม มันมีแต่คำว่า จะทำ หรือไม่ทำ ไม่ต้องคิดว่าต้องรอเรียนจบก่อน ต้องรอมีงานก่อน ต้องรอมั่นคงก่อน ถึงจะได้วิ่งตามความฝันตัวเอง หรือทำในสิ่งที่อยากทำ แต่อยากให้มองว่าลงมือทำไปเลย อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถ้ามันไปไม่รอด ก็ถือเป็นประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ได้ทบทวนว่า โอเควิธีมันไม่เวิร์ค เราจะลองวิธีใหม่ หรือเราอาจจะไม่ชอบสิ่งที่ทำจริงๆก็ได้ค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อย่าจมกับความรู้สึกแย่ความรู้สึกผิดพลาด ให้ถือว่าทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตมันเป็นโอกาสที่ดีของเรา ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ ได้พัฒนาตัวเองดีขึ้นไปในทุกๆวัน ได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น เนื้อแพรกล่าวทิ้งท้ายว่า "หลายคนอาจจะชอบคิดว่า เราไม่เก่งสักด้านเลย มีเพื่อนมาปรึกษาเยอะมาก จริงๆแล้วเรารู้สึกว่าแต่ละคนมีความเก่งความสามารถที่ซ่อนไว้ในตัวเองลึกๆที่ไม่เหมือนใครและมีอยู่ในทุกคน เพียงแต่เค้ายังไม่มองเห็นมันได้ชัดและดึงศักยภาพตรงนั้นออกมาไม่ได้อยากเป็นกำลังใจให้ทุกคน มองเห็นคุณค่า ความสามารถของตัวเอง เราต้องเชื่อมั่นในตัวเองก่อน เราถึงจะทำให้คนอื่นมาเชื่อมั่นในตัวเราได้ เราต้องเชื่อว่าเรามีความสามารถในแบบของตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือ "ไม่ต้องรอ" ... อยากให้เริ่มตัดสินใจทำอะไรที่อยากทำเลย เริ่มจากเรื่องเล็กๆก่อนก็ได้ ก็เชื่อว่าทุกคนสามารถเป็นตัวของตัวเองและเป็นในแบบที่ดีที่สุดได้ ซึ่งส่วนตัวยังพูดมากไม่ได้เพราะก็ยังอยู่ในขั้นตอนที่ค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆปรับตัวเก็บประสบการณ์เพิ่มเรื่อยๆ แต่ก็เป็นกำลังใจให้ทุกๆคนค่ะ"