“สมคิด”พอใจแก้อุปสรรคอำนวยความสะดวกธุรกิจ มั่นใจธนาคารโลกเพิ่มอันดับ Ease of Doing Businessใหม่ในเดือน ต.ค.62 ด้าน”อุตตม”ลุ้นขยับโอกาสสูงขึ้นอันดับ 25 จากปัจจุบันอันดับ 27 ของโลก หลังภาครัฐปรับกระบวนการทำงานอำนวยความสะดวกหลายด้าน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามผลการจัดอันดับความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Doing Business)ว่า ในปีนี้คาดจะได้รับคะแนนดีขึ้น สร้างความเชื่อมั่นกับนักลงทุนต่างประเทศ และรัฐบาลต้องใช้โอกาสในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สร้างความเข้มแข็งภายใน โดยที่ประชุมรับทราบทีมวิจัยธนาคารโลกได้จัดทำข้อมูลของประเทศไทยช่วงเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รับทราบผลการเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานปรับปรุงการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ เช่น ลดระยะเวลาการขอใช้ไฟฟ้าเหลือเพียง 1 วัน เมื่อวางระบบสายส่งในประเทศพร้อม ทำให้ต้นทุนการใช้ขอใช้ไฟฟ้าจากเดิมประมาณ 77,500 บาท ปัจจุบันไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซึ่งเป็นไฮไลสำคัญที่จะได้คะแนนสูงขึ้น นอกจากนี้การนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน การยกเลิกระบบสำเนาเอกสารขออนุญาตผ่านการเชื่อมโยงข้อมูล BIGDATA จากเดิมต้องใช้เอกสารกระดาษกว่า 60 ล้านแผ่นต่อปี ขณะนี้ไม่ต้องใช้เอกสารหลายหน่วยงาน รวมทั้งบริการทางภาษีออนไลน์ให้ภาคธุรกิจ ปรับปรุงแบบแสดงรายการเสียภาษีของนิติบุคคล พัฒนาระบบคืนภาษีนิติบุคคลสำหรับคืน VAT ภายใน 90 วัน พัฒนาระบบให้นายจ้างส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 8.68 ล้านคน จากผู้ประกันตน 11.46 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 75.77 การเร่งรัดพัฒนาระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ของศุลกากร เพื่อลดขั้นตอนการตรวจปล่อยสินค้าด้วยการส่งข้อมูลทางออนไลน์มาให้ตรวจสอบสินค้าก่อนเรือเข้าเทียบท่า และการจดทะเบียนทรัพย์สินของกรมที่ดิน และกรมโยธาเมื่อเชื่อมโยงข้อมูลกันมากขึ้น นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกเข้ามาจัดเก็บข้อมูลในไทยแล้ววันที่ 30 ต.ค.62 จะประกาศอันดับอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ จากปัจจุบันไทยติดอันดับ 27 ของโลก คาดว่าอันดับอาจสูงขึ้น และน่าลุ้นอันดับ 25 แต่ต้องรอดูประเทศอื่นจะขยับขึ้นอย่างไรบ้าง เพราะขณะนี้สิงคโปร์ครองอันดับ 1 ของโลก มาเลเซียอันดับ 2 ของอาเซียน ไทยอันดับ 3 ของอาเซียน โดยขณะนี้ไทยได้แก้ไขหลายด้านมีความคืบหน้าไปมาก จากเดิมรายงานธนาคารโลกว่าเป็นการนำร่องสำหรับการแก้ไขบางด้าน แต่ขณะนี้หลายโครงการแก้ไขได้ทุกหน่วยงาน และหากอันดับไทยขยับขึ้นส่งผลดีต่อการดึงต่างชาติเข้ามาลงทุนย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย