"มารวย เรียลเอสเตทฯ" ชี้อีอีซีดันภาพรวมอสังหาฯ ฉะเชิงเทราโต 5-10% ดึงบิ๊กอสังหาฯรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ แห่ลงทุนผุดโครงการแนวราบเพิ่ม ดร.สืบวงษ์ สุขะมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มารวย เรียลเอสเตท จำกัด ผู้นำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ภาคตะวันออก พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ “บ้านมารวย” เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราในปีนี้ คาดว่าเติบโตไม่มากหนัก โดยคาดว่ามีการขยายตัวเพียง5-10%เนื่องจากจังหวัดฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และเป็นจังหวัดที่มีโครงการที่อยู่อาศัยติดอันดับขายที่ดีสุด โดยมีจำนวนโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายจำนวน 66 โครงการ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างขาย เพียง 51 โครงการเท่านั้น ในจำนวน 66 โครงการ มีหน่วยในผังของทุกโครงการรวมกัน 14,310 หน่วย มูลค่าโครงการรวม 40,784 ล้านบาทมีหน่วยเหลือขายหรือเป็นอุปทาน ในตลาด 5,107 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขาย 13,729 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 63 โครงการ มูลค่า 39,476 ล้านบาท อาคารชุด 3 โครงการ มูลค่า 361 ล้านบาท นอกจากนี้จากการสำรวจของบริษัทพบว่าในปีนี้มีบริษัทรายใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 3-4 ราย ซึ่งเข้ามาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบ อาทิ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท , บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น และล่าสุดบมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ และที่กำลังจะเข้ามาพัฒนาในเร็วๆ นี้ คือบมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ " โซนอำเภอบ้านโพธิ์ เป็นทำเลที่บริษัทอสังหาฯรายใหญ่ จะมาลงทุนและเปิดขายโครงการ เนื่องจากอยู่ในใกล้นิคมอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็น ของอมตะ เวลโกรว์ รวมถึงนิคมทีเอดี 2 ที่กำลังจะเกิด ทำให้เกิดแรงงานจำนวนมาก แต่ก็มีความกังวล เรื่องของซัพพลายที่ออกสู่ตลาดจำนวนมาก เพื่อรองรับผลอานิสงส์จากอีอีซี แต่ในความเป็นจริงแล้ว จากประสบการณ์ที่บุกเบิกตลาดอสังหาฯในภาคตะวันออก ทำให้เข้าใจสภาพตลาดอสังหาฯในจังหวัดฉะเชิงเทรา เนื่องจากกำลังซื้อส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ ทำงานอยู่ในบริเวณนี้ ทำให้ตัวเลขเติบโตจะไม่สูง อีอีซี ยังไม่ได้ดึงดูดนักลงทุนเข้ามามากนัก เป็นเรื่องของกระดาษ แรงงานก็ยังไม่ตามมา กำลังซื้อจึงไม่เพียงพอรองรับจำนวนโครงการที่เปิดตัว อาจส่งผลให้เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลายได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญ รัฐบาลต้องจูงใจนักลงทุนเข้ามา เพื่อให้มีโอกาสมากกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม และกัมพูชา" สำหรับการพัฒนาโครงการของบริษัทมารวยฯ ปัจจุบันมีโครงการกระจายอยู่ในภาคตะวันออกประมาณ 12-13 โครงการ โดยอยู่ระหว่างการขายเพียง 5 โครงการ อาทิเช่น บ้านมารวย สระแก้ว,บ้านมารวย อรัญประเทศ,บ้านมารวย แหลมฉบัง,โครงการวิคทอเรีย และบ้านมารวยโสธร 4 ซึ่งมีการปรับรูปแบบโครงการให้เหมาะสมกับกำลังซื้อและราคาที่ดิน โดยมีการเพิ่มบ้านแฝดอารมณ์บ้านเดี่ยวเข้ามาเสริมสินค้าบ้านเดี่ยว แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 50 หลัง และบ้านแฝด 100 หลัง ปัจจุบันมียอดขายไปกว่า 80% และคาดว่าภายในสิ้นปีจะปิดการขายได้ทั้งโครงการ ในส่วนของคู่แข่งขันที่เข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดนั้น ดร.สืบวงษ์ กล่าวว่า เราไม่กังวล เพราะปัจจุบัน มารวยฯมีที่ดินสะสม(แลนด์แบงก์)รอการพัฒนาอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้มีต้นทุนและได้เปรียบกว่าคู่แข่งขันที่จะต้องหาซื้อที่ดินในราคาที่สูง ต้องขยับราคาพัฒนาโครงการและเป็นจังหวัดที่ทำให้มารวยฯสามารถปรับราคาขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ จากการติดตามพบว่า ปัจจุบันที่ดินติดถนนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 8-10 ล้านบาทต่อไร่ ในซอยเมื่อ 3-5 ปีที่ผ่านมาราคา 2-3 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4-5 ล้านบาทต่อไร่ หรือแม้แต่ที่ดินตาบอดเสนอขาย 1-2 ล้านบาทต่อไร่ "ตลาดหลักของมารวยจะเจาะกลุ่มราคา 3-5 ล้านบาท ทำตลาดชัดเจน และจะเริ่มขยับขึ้นไปทำบ้านราคามากกว่า 5 ล้านบาท เพื่อให้สอดรับกับราคาที่ดิน ส่วนการทำโครงการระดับ 10 ล้านบาทนั้น เราต้องดูคู่แข่งขันที่เข้ามาก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสร้างบ้านของคนทั่วไปรวมราคาที่ดิน ก็เกินกว่า 10 ล้านบาทอยู่แล้ว ต้องดูว่าจำเป็นแค่ไหนที่จะอยู่โครงการระดับนี้ ดีไซน์บ้านต้องใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกและสาธารณูปโภคต้องพร้อม มีสปอร์ตคลับที่ใหญ่เพื่อให้บริการ" ล่าสุด บริษัทจัดงาน “BIG THANKS ลดให้สุดหยุดที่ มารวย” นำโครงการบ้านมารวยโสธร 4 อัดโปรโมชั่นพิเศษช่วงปลายปี ด้วยราคาพิเศษเริ่มต้นเพียง 2.92 ล้านบาท ภายในงานวันที่ 14-15 กันยายนนี้ ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายงานนี้ไว้ที่ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามสำหรับยอดขาย8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถปิดยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโตไว้ที่ 10-15%