ท่ามกลางสภาพอากาศปัจจุบันที่ย่ำแย่ลงด้วยมลพิษต่างๆที่ลอยอยู่ในอากาศ ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาที่ต้องพึงระวังโดยเฉพาะประเทศไทยที่มีสภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังส่วนใหญ่ความรุนแรงของโรคไม่อันตรายถึงขั้นเสียชีวิต แต่มีอาการเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ ก่อความรำคาญ รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน และมีผลต่อจิตใจ รวมถึงความมั่นใจและบุคลิกภาพของผู้ป่วยด้วย รศ.พญ.รวีรัตน์ ลิชฌรังษี กุมารแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านโรงภูมิแพ้และคุ้มกัน รพ.พระราม9 ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ว่า นิยามของโรคภูมิแพ้คือ? โรคภูมิแพ้คือโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง แต่คำว่าเรื้อรังเนี่ยอาจจะเป็นยาวนานไม่เท่ากัน บางคนก็ไม่ได้ยาวมาก โรคภูมิแพ้เนี่ยเป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายเนี่ย มีความไวต่อสารกระตุ้นบางอย่างมากกว่าคนปกติ อย่างเช่น สารกระตุ้นบางอย่างในที่นี้อาจจะเป็นพวกสารก่อภูมิแพ้หรือว่าสารระคายเคืองในระบบต่างๆนะคะ สารก่อภูมิแพ้ก็มีสารก่อภูมิแพ้ในทางเดินหายใจ เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ละอองเกสรต่างๆ หรือสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นอาหาร ก็จะมีความแตกต่างกัน อย่างเช่น คนปกติที่เขาไม่ได้แพ้แมวพอไปเล่นกับแมวก็ไม่เป็นอะไร แต่คนที่เป็นภูมิแพ้แล้วแพ้แมวบางคนไปสัมผัสใกล้ชิดแมวก็อาจจะเกิดอาการหายใจหอบเหนื่อย แน่นหน้าอกอะไรแบบนี้ได้นะคะ ทีนี้โรคภูมิแพ้ก็เป็นโรคที่ค่อนข้างจะมีการเรื้อรังระดับหนึ่ง มันก็แตกต่างจากโรคทั่วไปอยู่แล้ว คือร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้หรือว่าสิ่งกระตุ้น สารระคายเคืองต่างๆเช่น บางคนจะมีความไวต่อเรื่องของสารที่เกิดการระคายเคืองผิว สารเคมีและน้ำหอม ถ้าเป็นลักษณะของโรคผื่นภูมิแพ้ ผิวหนังอักเสบ ประมาณนั้นนะคะ สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้? สาเหตุหลักที่ทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ก็จะมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์แล้วก็เรื่องของสิ่งแวดล้อมค่ะ สาเหตุหลักทางด้านกรรมพันธุ์ ก็คือถ้าเกิดคุณพ่อ คุณแม่เป็นโรคของภูมิแพ้แล้ว ลูกก็มีโอกาสที่จะเป็นสูงกว่าคนอื่นทั่วไป อย่างเช่นถ้าสมมติว่าพ่อหรือแม่เป็นหอบหืด ลูกก็อาจจะเป็นมาสัก 25% แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็น ลูกมีโอกาสประมาณ 50% ที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย แล้วก็เรื่องของสิ่งแวดล้อม ถ้าเกิดว่าเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีการสัมผัสต่อสารก่อภูมิแพ้มากกว่าคนอื่นๆ โอกาสที่เราจะเป็นโรคภูมิแพ้มันก็จะง่ายกว่าคนอื่น เช่น สมมติบ้านเราอยู่ในบริเวณที่มีสารก่อภูมิแพ้เยอะหรือในบริเวณที่มีควันบุหรี่เยอะ คนรอบตัวสูบบุหรี่ โอกาสที่เราจะเป็นโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้หรือทางเดินหายใจมันก็จะง่ายขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้อยู่ในบริเวณที่มีสิ่งต่างๆเหล่านี้ หลักๆก็คือกรรมพันธุ์กับสิ่งแวดล้อมค่ะ ลักษณะแบบไหนที่พบเยอะมากที่สุดในประเทศไทยตอนนี้? โรคภูมิแพ้ที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ก็คือจะมีหลักๆอยู่ประมาณสัก 3 โรค อันดับแรกก็คือโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ แล้วก็โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง แล้วก็โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจที่พบบ่อยก็คือโรคหืดหรือหอบหืด ซึ่งแต่ละโรคก็จะมีอาการแตกต่างกัน อย่างเช่นถ้าเป็นจมูกอักเสบจากภูมิแพ้เนี่ย เขาก็พบว่าปัจจุบันนี้ คนไทยประมาณ 30-40% มีอาการของจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ก็คือจะมีอาการคันจมูก จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นๆหายๆ ทีนี้เมื่อก่อนมันมี ประมาณสัก 20% แต่เดี๋ยวนี้คิดว่าสักประมาณ 30-40 คือมันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามการเปลี่ยนแปลงของสภาวะต่างๆ มีความเป็นเมืองมากขึ้น ส่วนโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบเนี่ย ก็จะมีอาการเป็นผื่นคันเรื้อรังเป็นๆหายๆ พบได้ตั้งแต่เด็กทารกยันผู้ใหญ่เลย ก็มีตำแหน่งของผื่นแตกต่างกันเช่น ถ้าเป็นเด็กทารกก็อาจจะเป็นที่แก้ม เป็นที่ด้านนอกของแขน ขา ถ้าเป็นกลุ่มเด็กโตก็จะเป็นผื่นผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่บริเวณข้อพับต่างๆ ผู้ใหญ่ก็ยังเป็นได้เช่นที่มือ แขน คอ ในวัยไหนเป็นเยอะสุด? ก็มีได้ทั้งเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่นะคะ บางคนก็เป็นตอนโต บางคนก็เป็นตั้งแต่เด็กยันโต บางคนพอโตแล้วก็หายก็แตกต่างกันไป แต่ในเด็กก็จะเจอเยอะ แต่ไม่แน่บางทีผู้ใหญ่อาจจะเป็นนิดหน่อยแต่ไม่มาหาหมอก็ได้ บางทีเราก็เก็บข้อมูลลำบาก อาการโดยรวมเมื่อเกิดอาการแพ้? ถ้าเป็นโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้คือจะมีอาการเกิน 4 สัปดาห์ขึ้นไป เป็นเรื้อรัง เป็นๆหายๆ บางคนเป็นมาหลายปียังไม่เคยหาหมอก็มี ลักษณะอาการแบบไหนที่พอพบแล้วควรที่จะมาพบแพทย์โดยทันที ถ้าเกิดว่าเจอแล้วต้องรีบมาพบหมอเนี่ย ก็คือว่าน่าจะเป็นอันดับแรกเลยก็คือแพ้รุนแรงหรือที่เรียกว่า Anaphylaxis อาจมีอาการต่างๆในระบบร่างกายอย่างน้อย 2 ระบบขึ้นไป ระบบแรกก็คือระบบผิวหนัง ระบบผิวหนังก็คือการตัวแดงทั้งตัว มีผื่นแบบนูนๆ เป็นลมพิษทั่วร่างกาย มีตาบวมหรือว่าปากบวมอันนี้ระบบที่หนึ่ง ระบบที่สองคือระบบทางเดินหายใจก็คือหายใจเหนื่อย แน่นหน้าอก หอบขึ้นมาทันทีหรือว่าเขียว อะไรแบบนี้นะคะ ระบบที่สามระบบทางเดินอาหารก็คือมีการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียเกิดขึ้นเฉียบพลันอย่างรวดเร็ว ระบบที่สี่คือระบบหัวใจและหลอดเลือด ก็คือมีอาการความดันต่ำ ช็อก หมดสติ เป็นลมไป ถ้าเรามีอาการย่างน้อย 2 ใน 4 ระบบนี้หลังจากที่เราสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้อะไรบางอย่าง มันเป็นภาวะแพ้รุนแรง ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันทีเพราะว่าจะต้องได้รับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ต้องฉีดยาอย่างฉุกเฉิน หรือว่าบางทีอาจจะไม่ต้องมีอาการถึง 2 ใน 4ระบบก็ได้ ถ้าเรารู้สึกว่าเราแพ้อะไรอยู่ อย่างเช่นเรารู้ว่าเราแพ้กุ้ง แล้วเราไปกินกุ้ง เราความดันต่ำ ช็อกไปเลย เขาก็จะวินิจฉัยว่าแพ้รุนแรงเรียบร้อยแล้ว อันนี้ตองรีบไปโรงพยาบาลทันที นอกจากแพ้รุนแรงแล้ว อาการบางอย่างที่ต้องรีบรักษาโดยทันทีก็อย่างเช่น หลอดลมตีบเฉียบพลันทันที ถ้าเกิดเราไม่มียาติดตัวอยู่เนี่ย เราก็ควรจะต้องรีบมาโรงพยาบาลเพราะว่าจะต้องให้หมอเขาพ่นให้ยาขยายหลอดลมอะค่ะ เพื่อทำให้เรารอด อาการดีขึ้น อันนี้คือตัวอย่างของภาวะที่ต้องรีบมาโรงพยาบาลทันที อื่นๆอาจจะไม่ใช่กรณีฉุกเฉินเท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเรารู้สึกเรามีอาการเข้าข่ายเรื่องของภูมิแพ้แล้วยังไงก็แนะนำว่าควรจะได้รับการรักษานะคะ เมื่อเราทราบว่าเราเป็นลักษณะของภูมิแพ้ ในวิธีการรักษาอย่างถูกวิธีควรจะต้องทำอย่างไร ? อันดับแรกก็คือ เราก็ต้องควรจะรู้ว่าเราแพ้อะไรแล้วก็ต้องหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ของเราอย่างเคร่งครัด อย่างเช่น เรารู้ว่าเราแพ้กุ้ง เราไม่ควรจะกินกุ้ง เพราะวามันจะเป็นความเสี่ยงที่ทำให้เราเกิดอาการขึ้นได้ นอกจากสารก่อภูมิแพ้แล้ว ปัจจัยกระตุ้นต่างๆที่ทำให้ก่อภูมิแพ้เราก็ต้องหลีกเลี่ยงด้วยเช่น เราเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ เป็นหอบหืด เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันธูป เพราะมันอาจจะกระตุ้นให้เราเกิดอาการได้ ถ้าเราเป็นผื่นผิวหนังอักเสบ เราก็ควรจะหลีกเลี่ยงพวกโลชั่น ครีมต่างๆที่มีน้ำหอม มีสีแรงๆ อันนั้นอาจจะเป็นตัวกระตุ้นในเรามีการผื่นได้เช่นกัน อันดับแรกก็มีหลีกเลี่ยง อันดับที่สองก็คือว่า การต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว เราก็ควรจะรีบได้รับการรักษาให้หาย อย่างเช่นถ้าเรามีคัดจมูก มีน้ำมูกจากภูมิแพ้อยู่แล้ว เราก็ควรจะได้รับยาที่ช่วยลดอาการต่างๆเหล่านี้ เราก็ควรจะล้างจมูกเอาน้ำมูกออกไป ถ้าเราเป็นผื่นแดง เราก็ควรจะรีบทายา ทานยาลดการคัน เพื่อเราจะได้หาย เพราะว่าถ้าเราปล่อยไปอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนก็ได้ เช่น ถ้าเกิดว่าเราเป็นจมูกอักเสบภูมิแพ้ เราก็อาจจะมีอาการติดเชื้อในโพรงจมูกเรื้อรัง กลายเป็นไซนัสอักเสบ แล้วก็ถ้าเราเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอักเสบแล้วเราไม่รักษาดีๆ จากผื่นแพ้ธรรมดา ปล่อยไว้ เราเกาไปเรื่อยๆก็อาจจะติดเชื้อเป็นหนอง เกิดเป็นการติดเชื้อจากการอักเสบแทรกซ้อนขึ้นมาได้เช่นกัน อันดับที่สองคือรักษา อันดับที่สามก็คือว่าราก็ควรจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการอื่นๆที่จะทำให้เกิดภาวะเรื่องของภูมิแพ้ขึ้นมาอีกได้นะคะ เราก็ควรจะรักษาร่างกายให้แข็งแรง เพราะว่าการพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ การออกกำลังกายโดยสม่ำเสมอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่อย่างสมดุล ก็เป็นส่วนที่ทำให้ร่างกายเราแข็งแรงแล้วก็ โอกาสในการเกิดภูมิแพ้กำเริบก็จะลดลง รวมทั้งก็ควรจะรักษาจิตใจ ลดภาวะความเครียดด้วย เพราะว่ามันมีข้อมูลงานวิจัยชัดเจนว่าความเครียดอาจจะทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจหรือว่าผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคภูมิแพ้รักษาหายได้ไหม? โรคภูมิแพ้บางโรคหายขาด แต่บางโรคอาจจะอยู่กับเราแต่ถ้าเราทำการรักษา เราก็อยู่กับมันได้โดยที่มันไม่มีผลอะไรกับชีวิตเราสักเท่าไหร่นะคะ อย่างเช่นพวกแพ้อาหาร แพ้นมวัวในเด็ก ส่วนใหญ่ก็จะหายได้เกือบจะ 80-90% หายได้อยู่แล้ว แต่ว่าอาจจะหายช้าหายเร็วในเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ภายใน 5 ขวบ ก็มักจะหายเกือบหมด หรือว่าถ้าเป็นโรคบางอย่างอย่างเช่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ คัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล บางคนก็จะมีอาการอยู่เรื่อยๆจนเป็นผู้ใหญ่ แต่ถ้าเรารู้สาเหตุ รู้จักปฏิบัติตัว รู้จักว่าเราควรจะใช้ยาอะไรเมื่อไหร่ เราก็อยู่กับมันได้แบบที่มันเป็น โดยที่เราควบคุมโรคได้ ส่วนโรคอื่นๆบางอย่าง อย่างเช่น โรคลมพิษเรื้อรัง บางคนมันมีลมพิษเรื้อรังเป็นปี ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้อง มันก็จะหายสนิทได้ แต่ถ้าไม่รักษาเลยมันจะไม่มีวันหาย ซึ่งแต่ละโรคก็จะมีความแตกต่างกัน เรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพก็เหมือนว่าเราต้องหมั่นออกกำลังกาย เราต้องทำร่างกายให้แข็งแรงอยู่ตลอด เมื่อไหร่ที่ร่างกาย อ่อนแอมันจะกลับเข้ามา? มันมีโอกาสอยู่แล้ว อย่างเช่นถ้าเราออกกำลังกาย เราวิ่ง จากคนที่จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ คัดจมูกตันเนี่ย ต้องลองเองถ้าเป็นนะ พอวิ่งเนี่ยจมูกมันโล่งขึ้นชัดเจน อาการภูมิแพ้ดีขึ้น ถ้าเมื่อไหร่เราอดหลับอดนอน เครียด เคลียร์งานไม่ยอมนอน พักผ่อนน้อย จมุกอักเสบภูมิแพ้กำเริบเลย หลายคนเป็นแบบนี้ชัดเจน ในตัวของเด็กเองที่เป็นโรคอยู่แล้ว ถ้าไปในสถานที่ที่มีความเสี่ยง เราควรที่จะป้องกันยังไง? เด็กที่เป็นภูมิแพ้ ควรจะหลีกเลี่ยงบริเวณที่มันมีเรื่องของมลภาวะอยู่แล้ว ถ้าช่วงไหนมี PM2.5 ก็ไม่ควรจะออกไปสัมผัสนะคะ หลีกเลี่ยงการออกไปสัมผัสพื้นที่มีมลภาวะเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ควรจะอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่เยอะ อยู่ในที่ที่คนแออัดเยอะๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเด็กที่เป็นภูมิแพ้จะห้ามออกไปเที่ยวเล่นนะคะ เด็กทุกคนควรจะไปเที่ยวเล่น แต่ว่าควรจะเลือกสถานที่ที่เหมาะสม จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นหรือไม่เป็นภูมิแพ้ก็ตาม หมอก็ไม่ได้อยากให้ไปอยู่ในที่ที่มลภาวะเยอะๆ มีควันบุหรี่หรือว่าแออัด ควรจะเป็นสถานที่ที่เปิดโล่ง เช่น สนามเด็กเล่น ที่ที่มีแดดส่อง อากาศดี ธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ควรให้เด็กไป ยกเว้นว่าเด็กจะแพ้หญ้า ละอองเกสรอย่างรุนแรง ในวัยไหนที่พบบ่อย? จริงๆหมอพบได้ตั้งแต่วัยทารกจนเด็กเล็ก เด็กโตปานกลาง มันเจอได้เรื่อยๆ ไม่ได้มีการเก็บข้อมูลในประเทศไทยชัดเจนว่าเจออายุเท่าไหร่มากที่สุด เราก็เลยเจอพอๆกัน ไม่ได้เหมือนกับว่าไข้หวัดจะเป็นในเด็กเยอะอะไรแบบนี้ มันไม่ใช่ บางคนแพ้ตอน 60-70 ก็เลยจะบอกว่าไม่ต้องเน้นว่ากลุ่มไหน ทุกวัยเป็นได้หมด ต้องระวังตัวเองตลอดเวลา? ก็สังเกตอาการว่าเรามีอาการเข้าข่ายหรือเปล่าภูมิแพ้นำไปสู่โรคที่มันอันตรายได้มากกว่าภูมิแพ้ไหมคะ? ภาวะแทรกซ้อนก็มีหลายอย่าง ถ้าสมมติว่าเป็นเรื่องของแพ้รุนแรงถ้าไม่รักษาก็ตายได้ เคยได้ยินเคสที่เขาเข้าใจว่าเข้าแค่แพ้นั่นแพ้นี่ แต่จริงๆอาการแพ้ที่มันออกมาทางผิวหนังอะไรแบบนี้มันกำลังเอฟเฟคว่าคุณอาจจะเป็นโรคใดโรคหนึ่ง มันก็มีบางอย่าง อย่างเช่นบางคนมาด้วยอาการเรื่องของลมพิษเรื้อรัง แต่ว่าจริงๆแล้วลมพิษเรื้อรังเขาเนี่ย มีโรคอื่นๆที่เป็นตัวกระตุ้นที่มีอันนึงที่เขาเป็นลมพิษ ซึ่งเขาเป็น SLEแต่เขายังไม่ได้มีเรื่องของการหาว่า คือเขายังไม่ได้ตรวจอย่างอื่น เขาเห็นแต่ผื่น แต่พอเรามาตรวจหาสาเหตุแล้วก็พบว่าเขามีอาการอื่นๆที่บ่งถึงโรคที่มันมีแอบซ่อนอยู่เหมือนกัน บางทีอยากให้เข้าใจว่าการที่มีผื่น มีการแพ้เนี่ย ไม่ว่าจะเรียกว่าการแพ้หรือแพ้อากาศ แพ้อาหาร แพ้อะไรก็แล้วแต่ จริงๆมันเป็นแค่จุดที่ร่างกายกำลังแสดงปฏิกิริยาว่าคุณไม่ปกติ? ถ้าเป็นลมพิษเรื้อรังเกิน 6 อาทิตย์ บางทีควรต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร จริงๆถ้ารู้ว่าแพ้ก็ยังไม่ควรกิน เพราะอาจจะทำให้อันตรายถึงชีวิตได้ รศ.พญ.รวีรัตน์ กล่าว ทั้งนี้สามารถติดตามข้อมูลและสาระดีๆจาก เพจเฟซบุ๊ก คุยกับหมอภูมิแพ้เด็ก by Dr.Mai https://www.facebook.com/talktodr.mai