“พะยูน” สังเวยทะเลตรังอีก 1ตัว หลังเรือทัวร์พบซากพะยูนลอยตายกลางทะเลตรังท้องฉีกลำไส้ทะลัก ประสานเจ้าหน้าที่นำเรือค้นหาเจอคลื่นลมมรสุมแรงท่ามกลางฝนตกหนัก ยังไร่วี่แววซากคาดถูกคลื่นซัดไม่ทราบทิศทาง เผยเป็นพะยูนตัวที่ 11 ตายในทะเลตรัง ที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.10 อ.สิเกา จ.ตรัง เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสมศักดิ์หรือแบงค์ พันธุเมต อายุ 30 ปี ประธานชมรมมัคคุเทศก์อาชีพจังหวัดตรัง ซึ่งได้พานักท่องเที่ยวออกเที่ยวทะเลตรังตามปกติ ได้ออกเรือจากระหว่าง เกาะยา จ.ตรัง ไปยังเกาะไหง จ.กระบี่ ซึ่งในระหว่างทางได้เจอกับซากพะยูนตัวลอยตายอยู่ในทะเลมีลำไส้ทะลักออกมา จึงได้ถ่ายภาพยืนยันส่งมาให้เจ้าหน้าที่ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเข้าไปตรวจสอบ ต่อมานายวิทยา มากนคร นายช่างเครื่องกล ส่วนอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล สบทช.10 พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ประสานขอความร่วมมือให้ช่วยทำสัญลักษณ์ หรือ ผูกกับอะไรไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ง่ายต่อการเข้าไปค้นหาได้ชัดเจน แต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ได้นำเรือออกไปมีคลื่นลมฝนพายุ ก็ได้พยายามค้นหาตามพื้นที่ที่แจ้งมาราวเกือบ 2 ชม. ก็ยังหาไม่เจอ จึงได้นำเรือกลับเข้าฝั่ง ที่ท่าเรือทุ่งคลองสน อ.สิเกา จ.ตรัง และคาดว่าคงต้องรอให้คลื่นสงบจะออกไปทำการค้นหาอีกรอบ ในส่วนของพะยูนเป็นเพศอะไรนั้น ยังไม่สามารถบอกได้เนื่องจากที่ตรวจสอบดูในภาพดังกล่าวพบว่าพะยูนมีลำไส้ทะลักออกมาปิดบริเวณหน้าท้องทำให้ไม่สามารถดูเพศได้ นายวิทยา กล่าวว่า บริเวณที่พบอยู่ระหว่างเกาะยาไปเกาะไหง ระยะทางประมาณ 3 ไมล์ทะเล ทางเจ้าหน้าที่ฯได้นำเรือออกค้นหาพะยูนตัวดังกล่าวเป็นรอบที่ 2 แต่พบว่ามีคลื่นลมมรสุมแรงประจวบกับฝนตกหนัก ตลอดระยะทางในการค้นหาเป็นอุปสรรคอย่างมาก เรือแล่นค้นหาอยู่ในทะเลนานถึง 3 ชม. ก็ยังไม่พบซากพะยูนตัวดังกล่าวแต่อย่างใด จึงต้องยุติภารกิจตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนถึงช่วงเย็น รวมเวลาประมาณ 5 ชม. จึงกลับขึ้นฝั่ง เพื่อเตรียมประชุมวางแผนหาแนวทางในการค้นหากันอีกครั้งหรือรอรายงานจากชาวประมงหากมีผู้ใดพบเห็นซากพะยูนโผล่ขึ้นให้เห็นอีกรอบ ทั้งนี้พะยูนตัวดังกล่าวที่เสียชีวิตเป็นพะยูนตัวที่ 11 ที่พบตายในทะเลตรัง