นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) โดยได้สั่งการให้ สบน.ดูแลการเตรียมความพร้อมแผนการกู้เงินเพื่อการลงทุนในระยะ 5 ปี วงเงินรวม 1.2 ล้านล้านบาท เฉลี่ยกู้ปีละ 1.5-2 แสนกว่าล้านบาท เพื่อให้การก่อหนี้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และทำให้การลงทุนไม่สะดุด เนื่องจากการลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะต้องดูแลวินัยการเงินการคลังของประเทศด้วย แม้ว่าจากการคำนวณการก่อหนี้ดังกล่าวบนสมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ขยายตัวเฉลี่ยปีละ 4% จะทำให้หนี้สาธารณะในช่วง 5 ปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 47-48% ของจีดีพี จากปัจจุบันอยู่ที่ 41% ของจีดีพี ซึ่งยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ที่กำหนดว่าหนี้สาธารณะจะต้องไม่เกิน 60% ของจีดีพี
นอกจากนี้ยังให้ สบน.เตรียมตัวรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และตลาดการเงินโลกที่มีความไม่แน่นอน ซึ่งจะส่งผลต่อตลาดเงิน และตลาดทุน รวมถึงตลาดหุ้นกู้ต่างๆ ดังนั้นจะต้องบริหารจัดการให้เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในระยะยาวมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าพันธบัตรระยะสั้น ซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติ ฉะนั้นสบน.จะต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากปัจจุบันพอร์ตหุ้นกู้ของไทย มีมูลค่า 12 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการกู้จากภาครัฐ ขณะที่ภาคเอกชนออกหุ้นกู้เพียง 30% เท่านั้น โดยเรื่องดังกล่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สบน. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“การบริหารหนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราจะต้องลงทุนเพื่อปฏิรูปประเทศ ซึ่งหากเราสามารถดูแลกรอบวินัยการเงินการคลังได้เป็นอย่างดี จะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งล่าสุด สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดดี้ และฟิชท์เรตติ้ง ขยับอันดับของไทยดีขึ้น เนื่องจากตัวเลขกรอบวินัยการเงินการคลังอยู่ในกรอบที่ดี แต่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปอีก”นายอุตตม กล่าว
นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายให้ สบน.พยายามหาแหล่งเงินกู้สำรอง ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลเน้นการกู้ในประเทศเป็นหลัก สามารถลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ แต่สิ่งสำคัญ คือการขยายฐานแหล่งเงินกู้ เช่น การสร้างทางเลือกในการลงทุนใหม่ ขยายฐานผู้ลงทุนให้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาตลาดทุนด้วย


