เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 62 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก 5 บก.ป. พ.ต.ท.เผด็จ งามละม่อม รอง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิยโย สว.กก.5 บก.ป. ร.ต.อ.ปิยพล ชูแสง รอง สว.กก.5 บก.ป. ร่วมกันจับกุมตัว นายสิงหนาถ ชัยพินิจ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.3 ต.บางงอน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 40/61 ลงวันที่ 20 มี.ค.61 คดีหมายเลขดำที่ อ.731/59 คดีหมายเลขแดงที่ 189/60 ในข้อหาว่า ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีและร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ได้ที่ โรงพยาบาลท่าโรงช้าง ม.4 ต.ท่าโรงช้าง อ.พุนพิน จ.สุราษฏร์ธานี ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค.59 เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน .38 ยิงเข้าใส่บังกะโลพาลิต้า ลอร์ด หาดริ้น อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี สาเหตุมาจากความขัดแย้งการทำธุรกิจ เบื้องต้นทราบว่า บังกะโลช้างเผือก และสิมิลันบาร์ที่หาดริ้น เป็นของนายชนินทร์ ได้ให้ชาวรัสเซียเป็นผู้เช่าทำธุรกิจ ถูกร้องเรียนว่า จัดปาร์ตี้เปิดเพลงส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน และบังกะโลใกล้เคียงจนถูกจับกุม ต่อมาชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวหาดริ้น ได้มีมติให้สิมิลันบาร์หยุดประกอบการ ทำให้กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ไม่พอใจจ้างนายสิงหนาถ และนายจิรัฎฐ์ มาก่อเหตุยิงดังกล่าว ซึ่งต่อมานายสิงหนาถ ชัยพินิจ ถูกจับกุมได้ โดยศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 33 ปี จากนั้นนายสิงหนาถฯ ยื่นขออุทธรณ์ และขอประกันตัวแล้วหลบหนีไม่ไปศาลอีกเลย จนกระทั่งศาลอุทธรณ์อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยพิพากษาจำคุกนายสิงหนาถฯ 8 ปี 6 เดือน สุดท้ายจนมุมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม ซึ่งสืบสวนจนทราบว่านายสิงหนาถฯหลบหนีอยู่ในพื้นที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จึงได้วางแผนเข้าจับกุมจนสามารถจับกุมตัวได้ สอบถามนายสิงหนาถฯ รับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่บังกะโลดังกล่าวจริง และได้ยอมรับกับเจ้าหน้าที่อีกว่า ผมหนีไม่ไหวจริงๆ สุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว ชุดจับกุมจึงควบคุมตัวนำส่งศาลจังหวัดเกาะสมุย ดำเนินการตามกฏหมายต่อไป