คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ขณะนี้การเมืองของสหรัฐอเมริกากำลังทวีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ อีกทั้งการเคลื่อนไหวในค่ายพรรครีพับลิกันและค่ายพรรครีพับลิกันก็เป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อหันกลับไปมองดูอนาคตทางการเมืองของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วนั้นปรากฏว่า มีสัญญานอันตรายส่อเค้าและบ่งชี้ไปในหลายๆด้านด้วยกัน โดยสำนักหยั่งเสียงของซีเอ็นเอ็นล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายน ซึ่งเป็นการหยั่งเสียงระหว่างวันที่ 5 - 9 กันยายนนี้ได้ออกมาระบุว่า คนอเมริกันถึง 60% เห็นว่าประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สมควรที่จะได้รับเลือกในสมัยที่สอง!!! ทั้งนี้ความคิดเห็นของคนอเมริกันที่มีเช่นนี้ มิได้เปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่มีการหยั่งเสียงทำนองเดียวกันในเดือนพฤศจิกายนของปีกลาย ที่ครั้งนั้นได้ระบุไว้ว่า คนอเมริกันถึง 63% คิดว่าประธานาธิบดีทรัมป์ไม่สมควรที่จะได้รับเลือกในสมัยที่สอง อีกทั้งคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ก็อยู่ในระดับต่ำแบบสุดๆแค่ 39% ทำนองเดียวกันกับเดือนสิงหาคมที่คนอเมริกันไม่พอใจในการบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ที่มีถึง 55% โดยพวกเขาเล็งเห็นว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีคุณภาพในการตัดสินใจต่อปัญหาสำคัญๆ” ส่วนผลของการหยั่งเสียงครั้งล่าสุดได้ชี้อีกด้วยเช่นกันว่า “คนอเมริกันส่วนใหญ่มองว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาประธานาธิบดีทรัมป์ทำให้สหรัฐฯต้องประสบกับสภาวะที่แสนเลวร้ายลงไปกว่าเดิม” โดยภาพรวมแล้วคนอเมริกันส่วนใหญ่คิดว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มิได้แก้ไขภาพพจน์ด้านลบให้ดีขึ้นแต่อย่างใด แถมยังสร้างความแตกแยกภายในประเทศให้สูงมากขึ้นด้วยซ้ำไปอีกด้วย!!! สำหรับกรณีอารมณ์สวิงไม่คงที่ของประธานาธิบดีทรัมป์ปรากฏว่า ขณะนี้กลับทวีคูณสูงขึ้นมากเช่นกัน โดยเมื่อวันอังคารนี้เขาได้โพสต์ทวิตเตอร์สั่งปลดทางออนไลน์ “จอห์น โบลตัน”ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเด้งออกจากตำแหน่ง ทั้งๆที่โบลตันได้เอ่ยปากแจ้งให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทราบล่วงหน้าแล้วว่า “เขาจะยื่นใบลาออก” แต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับชิงปลดเขาออกจากตำแหน่งล่วงหน้า อารมณ์แกว่งๆของประธานาธิบดีทรัมป์ทำนองนี้นับเป็นเรื่องปกติที่เขาอาจจะคิดไปว่า เขากำลังเล่นบทละครทางการเมือง เหมือนดั่งที่เขาเคยออกรายการเรียลลิตี้โชว์ทางโทรทัศน์ โดยเขามิได้คิดและวิเคราะห์ว่า ทั้งหมดทั้งมวลในการเมืองเป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ มิใช่เรื่องบันเทิงแต่อย่างใด!!! การเปลี่ยนตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงในยุคของประธานาธิบดีทรัมป์นั้น ถือได้ว่าปรับเปลี่ยนเป็นครั้งที่สามแล้ว โดยมี “นายพลไมเคิล ฟลินน์” ที่เข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงเป็นรายแรกแต่อยู่ในตำแหน่งได้แค่เพียง 24 วัน (ซึ่งนายพลฟลินน์กำลังจะถูกศาลสั่งจำคุกในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้) โดยประธานาธิบดีทรัมป์ได้แต่งตั้ง “นายพลเอ็ช.อาร์ มาสเตอร์” ขึ้นมารับตำแหน่ง แต่เขาทนอยู่ได้เพียงหนึ่งปีและหันหลังกลับไปเป็นนักวิชาการอยู่ ณ มหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด การสั่งปลดตำแหน่งสำคัญๆที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทำเนียบขาวยุคของประธานาธิบดีทรัมป์ นับว่าอันตรายที่สุดเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับประธานาธิบดีคนอื่นๆในอดีต!!! สำหรับข่าวร้ายสดๆร้อนๆของประธานาธิบดีทรัมป์ในค่ายพรรครีพับลิกันที่ตนสังกัดอยู่ล่าสุดนี้ก็คือ นักการเมืองคนที่สามของพรรครีพับลิกันได้ออกมาประกาศที่จะลงแข่งขันท้าทายกับประธานาธิบดีทรัมป์ นักการเมืองคนล่าสุดท่านนี้ก็คือ “มาร์ค แซนฟอร์ด”อดีตผู้ว่าฯรัฐเซาท์แคโรไลนา และเขายังเป็นอดีตผู้แทนราษฎรของรัฐเซาท์แคโรไลนามาแล้วสิบสองปี อดีตผู้ว่าฯแซนฟอร์ดได้ชี้ว่า “พายุใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาสู่สหรัฐอเมริกา เพราะผู้นำไม่เอ่ยปากกล่าวถึงความอ่อนแอด้านสถานะทางการเงินของประเทศ ที่ขณะนี้ถือว่าเลวร้ายสุดๆ โดยเราทุกคนกำลังเผชิญกับความเป็นจริง และสหรัฐอเมริกากำลังเดินหลงทิศผิดทาง” แซนด์ฟอร์ดยังได้ชี้ว่า ถึงแม้ปัจจุบันนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังคงได้รับคะแนนนิยมสูงในพรรครีพับลิกันอยู่ก็ตาม แต่คงมิใช่ตลอดกาล โดยประธานาธิบดีทรัมป์ก็ได้ออกมาเปิดศึกกล่าวโจมตีมาร์ค แซนฟอร์ดอย่างทันท่วงที!!! ส่วนนักการเมืองคนแรกที่ได้ออกมาประกาศลงแข่งขันท้าทายต่อประธานาธิบดีทรัมป์คือ “บิล เวลด์”อดีตผู้ว่าฯรัฐแมสซาชูเสตท์สองสมัยระหว่างปี 1991-1997 โดยเขาออกมาประกาศเมื่อกลางเดือนเมษายนปีนี้ว่า “เขาไม่สามารถปล่อยให้ประเทศเป็นอันตรายต่อไปได้อีกตั้งหกปี” “ โจ วัลช์” จากค่ายพรรครีพับลิกันประกาศลงแข่งขันเป็นคนที่สอง โดยนักการเมืองผู้นี้เคยเป็นสมาชิกผู้แทนฯจากรัฐอิลลินอยส์ เขาได้ออกมายืนยันในรายการสัมภาษณ์ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมนี้ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ไม่เหมาะสมในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ” เขายังได้ชี้อีกว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มุ่งทำแต่ประโยชน์เพื่อตนเอง เป็นคนขี้ขลาดและเป็นผู้ทำลายล้างสหรัฐฯให้เลวร้ายลงทุกๆวัน” ยังเป็นที่น่าสังเกตอีกด้วยเช่นกันว่า ขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ผลักดันมิให้รัฐต่างๆจัดการแข่งขันเบื้องต้น ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะ เขาต้องการที่จะตัดโอกาสไม่ให้นักการเมืองสามคนที่ออกมาประกาศลงแข่งขันท้าทายกับเขา ซึ่งได้แก่ รัฐเซาท์แคโรไลนา เนวาด้า แอริโซนา และ แคนซัส การออกมาประกาศท้าทายลงแข่งขันการเป็นตัวแทนของพรรคของทั้งสามนักการเมืองคงจะเป็นการปลุกกระแสการไม่ปลื้มประธานาธิบดีทรัมป์และอาจจะเป็นการเปิดแผลทางการเมืองของประธานาธิบดีทรัมป์อีกด้วย ส่วนการประกาศของนักการเมืองค่ายพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนฯ ที่ได้พากันทะยอยออกมาประกาศไม่ลงแข่งขันถึง 15 คนนั้น นับว่ามิได้เป็นข่าวดีต่อประธานาธิบดีทรัมป์ด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้พรรคเดโมแครตยังคงคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯต่อไปในอีกสองปีข้างหน้าด้วย!!! อนึ่งเป็นน่าสังเกตอีกด้วยว่า นักการเมืองตัวเก็งที่กำลังมาแรงของพรรคเดโมแครตทั้งห้าคนอันได้แก่ “รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน” “วุฒิสมาชิกอลิซาเบธ วอร์เรน” “วุฒิสมาชิกเบอร์นี แซนเดอร์ส” “วุฒิสมาชิกคามาลา แฮริส” และ “พีท บูติเจิจ” นายกเทศมนตรีเมืองเซ้าท์เบนด์ แห่งรัฐอินเดียนา โดยแต่ละคนต่างกำลังมีคะแนนนำประธานาธิบดีทรัมป์แทบทุกๆคน กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นดูเหมือนว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเผชิญศึกที่เกิดขึ้นภายในพรรครีพับลิกัน แถมเขายังเผชิญกับศึกที่จะต้องแข่งขันกับตัวเก็งของพรรคเดโมแครตอีกห้าคนอีกด้วย ซึ่งทุกคนต่างก็มีคะแนนนิยมนำเหนือประธานาธิบดีทรัมป์และเมื่อเมียงๆมองๆไปแล้วอาจจะเป็นสัญญานอันตรายต่ออนาคตทางการเมืองประธานาธิบดีทรัมป์ที่อาจจะไม่ได้ไปต่ออย่างที่เขาหวังและตั้งใจเอาไว้ละครับ