12ก.ย.62 ที่บ้านพระอาทิตย์ ถนนพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ได้ออกมาเปิดใจในประเด็นต่างๆ ครั้งแรกภายหลังได้รับพระราชทานอภัยโทษ ปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 4ก.ย.ที่ผ่านมา นายสนธิ ได้กล่าวเปิดใจถึงชีวิตภายในเรือนจำ ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษฯว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้สำหรับการได้รับอภัยโทษครั้งนี้ ซึ่งตนอายุ 72 ปี ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำทั้งหมด 2 ปี 11 เดือน กับอีก 27วัน เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีใครรังแก และเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม แต่ตนต้องตาบอดไปหนึ่งข้างเนื่องจากเป็นต้อหิน จึงต้องใส่แว่นดำตลอด ในช่วงชีวิตในเรือนจำตนนำหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาปรับใช้ คือยอมรับความจริง ปฏิบัติตนตามแบบคนคุก อย่าอวดดี อย่าซ่า อย่าทำเก่ง ยืนยันว่าตนไม่ได้รับสิทธิพิเศษแต่อย่างใด ที่มีข้อครหาว่ามีการจัดเลี้ยงในเรือนจำ ก็ไม่เป็นความจริง และอย่าไปจริงจัง เพราะคนปล่อยข่าวมีทั้งดีและเลว ทั้งนี้ตนหมดโทษแล้ว ไม่มีแล้ว เป็นแค่บุคคลเคยต้องโทษ ก็เหลือเพียงคดีปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ปี 51 ในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพียงคดีเดียวที่กำลังต่อสู้กันอยู่ “ผมพ้นโทษออกมาก็เหมือนกึ่งพิการ เมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา อากาศบ้านเราต้องพบกับคลื่นความร้อนสูง แต่ในคุกร้อนนรกกว่า ผมออกมาได้เพราะปาฏิหาริย์ และพระมหากรุณาธิคุณพระราชอภัยโทษ ก่อนหน้านี้ในช่วงที่นายปฏิคม วงษ์สุวรรณ เป็นอธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้วางหลักเกณฑ์เข้าหลักในมาตรา 8 ลดโทษ 1 ใน 3 คือกั๊กไว้ 1 ขั้น สำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับพ.ร.บ.หลักทรัพย์ คือจะไม่ได้ออกในช่วงนี้ เขาตั้งมากั๊กผมโดยเฉพาะ จะเอาผมติดคุก 5 ปีก่อน แล้วค่อยทำชั้นลำดับโทษ มันเป็นเรื่องการเมือง ทำให้ผมออกได้ยากขึ้น แต่เวรกรรม ก็ทำให้นักโทษคนอื่นเดือดร้อนไปด้วยหมด จริงๆแล้วพ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับหลักทรัพย์ จะเอาผิดสำหรับผู้ที่อยู่ในแวดวงเฉพาะ แต่ผู้ที่ทำธุรกิจสื่อสารมวลชน จะเข้าหลักได้ยกเว้น พออธิบดีคนใหม่มาเขาก็วางหลักเกณฑ์ใหม่หมด ผมจึงเข้าหลักตามมาตรา 7 ลดโทษ 1 ใน 2 แล้วเข้าหลักตามมาตรา 6 คืออายุ 70 ปีขึ้นไป ก็สามารถปล่อยออกมาได้เลย ผมจึงดีใจที่อธิบดีคนปัจจุบัน คือพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ เป็นคนดี ยุคท่านทำได้ดีมาก จึงอยากบอกว่ากรมราชทัณฑ์ถ้าเอาลูกหม้อขึ้นมาเป็นจะมีแต่ตกต่ำ ต้องเอาคนข้างนอกเข้ามาสัมผัสข้างใน อย่าไปเชื่อที่ใครบอกว่าเอาคนในมาแล้วถูกต้อง” นายสนธิ กล่าว นายสนธิ กล่าวต่อว่า ส่วนความเป็นอยู่ในเรือนจำถือว่าลำบาก เพราะเวลานอนมีเพียงผ้าห่ม 3 ผืน เพื่อเอาไว้ปูและห่ม แต่ปัจจุบันมีการปรับปรุงแล้ว โดยใช้นอนยางพารา ผู้คุมก็มีทั้งดีและเลว ดีที่สุดคือโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะเขายังมองเราเป็นคน อาจมีบ้างที่ผู้คุมในอดีตมองนักโทษเป็นเศษมนุษย์ แต่ก็มีการจัดการกันไป ตนอยู่แดน 7 มีจำนวน 100 กว่าคน นอนห้องที่ 6 ภายในห้องมีประมาณ 8 คนนอนเบียดๆกัน ตอนเช้าก็ออกมาเดินรอบสนามในแดน ได้พูดคุยกับนักโทษที่อยู่ด้วยกัน 3 – 4 คนรุ่นราวคราวเดียวกัน จบมหาวิทยาลัยชั้นนำจากเมืองนอกทั้งหมดรวมถึงตน แต่ติดคุกกันหมด มันทำให้เห็นว่าชีวิตเป็นอนิจจัง ผิดก็คือผิด ตนเข้ามาตามกติกา ออกตามกติกา ไม่มีพิเศษ ที่ตนได้ออกมาครั้งนี้ เหมือนขนมเปี๊ยะหล่นมาจากฟ้า ได้อานิสงน์โชคดีแบบไม่รู้เรื่องเลย คนที่ไม่เข้าใจแล้วก็มโนกันไป ยืนยันอีกครั้งว่าเข้าออกตามกติกา