ศาลฎีกาฯนักการเมืองยกคำร้องปปช.ฟ้องนายพลภูมิ ส.ส.เพื่อไทย ยื่นบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ หลังเจ้าตัวรับสารภาพแต่ขอให้ศาลวินิจฉัยในเรื่องอายุความ เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองถนนราชดำเนินสนามหลวง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่อม. 3/2562ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.)ยื่นฟ้อง นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เรื่องการแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินข้อเท็จจริง โดยคำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส)แบบแบ่งเขตเลือกตั้งเขตเลือกตั้งที่ 16 กรุงเทพมหานคร จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการป. ป. ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อคณะกรรมการป. ป. ช. กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งตามพรป.ปปช.พ.ศ.2561 มาตรา 114วรรคสอง (1) โดยขอให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหาตาม พรป.ปปช.พ.ศ. 2561 มาตรา 83ประกอบมาตรา 188 ให้ลงโทษ นายพลภูมิตามพรป.ปปช.พ.ศ.2561มาตรา 167ประกอบมาตรา 188 กรณีจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สิ้น โดยเป็นรายการใช้บัตรเครดิตประมาณ 2.2 แสนบาท และเงินฝากในบัญชียอดรวมประมาณ 1.6 หมื่นบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ นายพลภูมิ ให้การรับสารภาพ โดยระหว่างการพิจารณาคดี นายพลภูมิ ได้ร้องขอความเมตตาจากศาลให้พิจารณาว่าคดีหมดอายุความตามกฎหมาย ป.ป.ช.ใหม่หรือกฏหมายเก่า ในวันนี้นายพลภูมิเดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมด้วยทนายความ โดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาเเล้วยกคำร้องโจทก์ยกฟ้องนายพลภูมิ โดยภายหลังศาลยกคำร้องโจทก์นายพลภูมิได้เดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ศาลฎีกาแต่อย่างใด ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ เป็น ส.ส.กทม. เขต 14 บึงกุ่ม คันนายาว สังกัดพรรคเพื่อไทย ในอดีตดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตคันนายาว ตั้งแต่ปี 2544 ในสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้รับเลือกติดต่อกันมารวม 4 สมัย ครั้งสุดท้ายได้รับเลือกตั้งในปี 2553 ก่อนที่ปีต่อมาจะลาออกมาลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานครในสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.สมัยแรก ในปี พ.ศ. 2554 โดยในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน นายพลภูมิ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.กรณีรับตำแหน่ง ส.ส.วันที่ 27 ก.ค.2554 มีทรัพย์สิน 10,420,000 บาท จำแนกเป็น ที่ดิน 1 แปลง เขตบางชัน กรุงเทพฯ เนื้อที่ 0-1-85 ไร่ มูลค่า 2,775,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 6,400,000 บาท (บ้านพร้อมที่ดิน ในกรุงเทพฯ) ยานพาหนะ รถยนต์ 1 คันมูลค่า 1 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น ได้แก่ อาวุธปืน 5 กระบอก มูลค่า 245,000 บาท (น่าสังเกตไม่มีเงินสดและเงินฝาก) หนี้สิน 5,711,211.94 บาท (เงินกู้ธนาคาร) ส่วนนางชญาดา คู่สมรส มีทรัพย์สิน 316,522,990.17 บาท ประกอบด้วย เงินฝาก 4,789,133.74 บาท เงินลงทุน บริษัท ไทยโกลเด้นท์แลนด์มาร์กเก็ต จำนวน 7,000 หุ้น มูลค่า 700,000 บาท ที่ดินมูลค่า 296,545,000 บาท (รวม 3 แปลง เนื้อที่ 90-3-29 ไร่ใน จ.นครนายก 2 แปลง เนื้อที่ 87-0-88 ไร่ และในเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ 1 แปลงเนื้อที่ 3-0-41 ไร่ ) โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 2 รายการ มูลค่า 12,488,856.43 บาท (บ้านพร้อมที่ดิน อาคารชุด 4 ห้อง) ยานพาหนะ รถยนต์ 1 คัน มูลค่า 2 ล้านบาท หนี้ 8,323,483.15 บาท (เงินกู้ธนาคาร) รวมทรัพย์สิน 326,942,990.17 บาท