นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เสนอกรอบงบประมาณปี 2563 วงเงิน 60,000 ล้านบาท สำหรับใช้ทำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ที่จะเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ และเริ่มได้ปีหน้า โดยวงเงินดังกล่าว จะถูกเติมเข้ากองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ก่อนทยอยเบิกใช้ตามรายละเอียดโครงการที่ได้อนุมัติ ผ่านคณะกรรมการกองทุนประชารัฐฯ “โครงการบัตรสวัสดิการที่ใช้ปัจจุบัน คาดจะสิ้นสุดในปลายปีนี้ โดยใช้งบประมาณจากกองทุนประชารัฐฯ ที่ได้รับจัดสรรจากงบประมาณเมื่อปี 2562 แต่ในส่วนโครงการที่จะเปิดลงทะเบียนรอบใหม่ ก็จะต้องมีการของบประมาณประจำปี 2563 เข้ามาใส่ในกองทุนฯ เพิ่มเพื่อใช้เป็นค่าดำเนิน ค่าสวัสดิการช่วยเหลือ รวมถึงการนำไปพัฒนาฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยด้วย” ส่วนแผนการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ขณะนี้ สศค. กำลังอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดอยู่ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของกระทรวงการคลัง ว่าจะเปิดในช่วงใดถึงเหมาะสม แต่เบื้องต้นจะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขคัดเลือกผู้ได้สิทธิ เช่น จากเดิมคิดรายได้และทรัพย์สินเป็นรายบุคคล ที่ต้องไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี เปลี่ยนเป็นรายครัวเรือนแทน เพื่อต้องการคัดกรองผู้ที่ไม่จนจริงไม่สามารถมารับบัตรได้ โดยวิธีนี้คาดว่าจะมีความละเอียดรอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม และช่วยให้รัฐสามารถนำงบประมาณไปช่วยเหลือได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น นายลวรณ กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะมีการปรับปรุงสวัสดิการการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยใหม่ ให้ตรงตามความต้องการของผู้ได้รับสิทธิที่ตรงจุดขึ้น เช่น การให้ความช่วยเหลือตามกลุ่มอาชีพ กลุ่มอายุ หรือตามพื้นที่อยู่อาศัย เพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย หลุดพ้นจากความยากจน ด้วยการให้เข้าร่วมการพัฒนาอาชีพ และสร้างรายได้เพิ่ม ซึ่งจะเข้มข้นกว่ารอบที่ผ่านมา ที่ผู้มีรายได้น้อยไม่สนใจเข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพเนื่องจากแจ้งว่าติดปัญหาเวลาเข้าฝึกอบรมทำให้ขาดรายได้หลัก จึงจะปรับเปลี่ยนโดยให้การสวัสดิการจูงใจให้เข้ามาฝึกอาชีพด้วย เช่น อาจให้เงินวันละ 200-300 บาท ด้วย “แผนการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ สศค. ได้รับมาจะมีการดำเนินการ 3 ขั้น ขั้นแรกคือการจัดทำมาตรการพิเศษช่วยเหลือระยะสั้น ซึ่งได้ทำไปแล้วผ่านการใช้งบ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเติมเงิน 500 บาท 2 เดือน การช่วยเหลือผู้สูงอายุ และค่าเลี้ยงดูบุตร ส่วนขั้นที่ 2 กำลังดำเนินการอยู่ คือการลงสำรวจเก็บตกข้อมูลคนยากจนที่ยังไม่ได้รับบัตรสวัสดิการฯ ให้ได้รับการช่วยเหลือด้วย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะมีเพิ่มไม่เกิน 1 แสนคน ส่วนระยะสุดท้าย คือ ปรับรูปแบบการคัดกรองผู้ถือบัตรใหม่ เพื่อไม่ให้คนที่ไม่จนจริงเข้ามาถือบัตร ซึ่งคลังกำลังปรับหลักเกณฑ์ และจะเปิดลงทะเบียนใหม่ในเร็วๆ นี้” นอกจากนี้ กระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการประเมินผลการทำโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นพบว่ามีผู้ได้รับการพัฒนาและมีรายได้สูงขึ้น โดยกระทรวงการคลังตั้งเป้ามีผู้หลุดพ้นความยากจนและไม่ต้องใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนหนึ่ง จากนั้นจะนำข้อมูลมารวบรวมและใช้ระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยประเมินผล เพื่อแก้ไขจุดอ่อนและเพิ่มจุดแข็ง ตามนโยบายของนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง คาดว่าจะได้ข้อสรุปรายละเอียดการเปิดลงทะเบียนรอบใหม่และเสนอให้ รมว.คลังพิจารณาได้ภายในสิ้นปีนี้