ตีปีกดีใจกันเก้อ เพราะหมยใจว่าจะได้พบเจอ “สันติภาพ” ที่จะบังเกิดใน “เอเชียกลาง” ภูมิภาคอันคาบเกี่ยวเชื่อมต่อกับหลายพื้นที่ในทวีปเอเชียเรา อย่างเอเชียใต้ เอเชียตะวันตกเฉียงใต้ เป็นอาทิ
ภายหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา โพสต์ทวีตข้อความล่าสุดในทวิตเตอร์ของเขา เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เนื้อหาภายในก็ระบุว่า ได้ยกเลิกกำหนดการ “ประชุมลับ” คือ “การเจรจาอย่างลับๆ” กับทาง “ตาลิบัน” และ “ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ผู้นำอัฟกานิสถาน” ซึ่งจะมีขึ้นที่ “แคมป์เดวิด (Camp David)” สถานตากอากาศของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานเขาคาท็อกทิน รัฐแมรีแลนด์ ในวันอาทิตย์นี้
ทั้งนี้ การเจรจาประชุมลับที่จะมีขึ้นข้างต้น ก็เพื่อกรุยทางที่จะนำไปสู่ “สันติภาพ” ให้พลันบังเกิดใน “อัฟกานิสถาน” หลังถูกเผาผลาญด้วยเพลิงสงคราม ภายใต้ชื่อ “สงครามอัฟกานิสถาน” ซึ่งคู่สงครามประกอบด้วย “กลุ่มนักรบตาลิบัน” กับ “กองกำลังผสมชาติพันธมิตรที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ” ที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) สืบเนื่องตอบโต้จาก “เหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยาฯ” ที่ขบวนการก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง มีปฏิบัติการเขย่าขวัญช็อกโลกในปีดังกล่าว ภายหลังจากที่ก่อนหน้านั้น ทางการสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณมาว่า จะถอนทหารจำนวนราว 5,400 นาย จากจำนวนที่ประจำการในอัฟกานิสถานทั้งสิ้น 14,000 นาย ภายในระยะเวลา 135 วัน
พลันที่สิ้นเสียงระเบิด ทาง “ตาลิบัน” ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวอยู่ในอัฟกานิสถาน ก็ออกมาอ้างความรับผิดชอบในเหตุระเบิดฆ่าตัวตายข้างต้นทันที โดยระบุถึงเป้าหมายว่า เพื่อโจมตีชาวต่างชาติในอัฟกานิสถาน
เหตุผลที่ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องทวีตข้อความล้มเลิกการประชุมลับที่จะมีขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า ก็มาจากเหตุระเบิดฆ่าตัวตายโจมตีกรุงคาบูล เมืองหลวงของอัฟกานิสถาน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ก่อน ซึ่งล้างผลาญชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 12 ราย ในจำนวนนี้ก็ปรากฏว่า มี “ทหารสหรัฐฯ” ตกเป็นเหยื่อเหตุระเบิดจนถึงแก่ชีวิตไปจำนวน 1 นาย
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ยังระบุไว้ในทวีตเตอร์ของเขาด้วยว่า หากพวกเขา (หมายถึง กลุ่มตาลิบัน) หยุดโจมตีไม่ได้ในช่วงที่มีการเจรจาสันติภาพซึ่งมีความสำคัญมาก จนทำให้มีผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารไป 12 คน พวกเขาก็ไม่มีอำนาจที่จะมาเจรจาทำข้อตกลงที่มีความสำคัญเช่นนี้ได้
ก็ส่งผลให้สร้างความผิดหวังไปตามๆ กันแก่เหล่าบรรดาผู้อยากเห็นสันติภาพในอัฟกานิสถาน แม้กระทั่งกลุ่มผู้ที่จงรักภักดีต่อตาลิบัน และร่วมต่อสู้กอดคอเคียงบ่าเคียงไหล่กับตาลิบัน ในการต่อกรกับทหารเหล่าชาติพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ เช่น นายโมฮัมเหม็ด มันซูร์ ฮุสไซนี หนึ่งในนักรบคนสำคัญของตาลิบัน ที่เขาร่วมรบต่อต้านสหรัฐฯ มานานถึง 18 ปี ก็ยังออกมาแสดงควาามผิดหวังต่อการประชุมลับเพื่อเจรจาสันติภาพได้ถูกยกเลิกไป
นอกจากผู้ใฝ่หาสันติ รวมถึงสมาชิกกลุ่มหนึ่งของตาลิบันที่ออกอาการผิดหวังแล้ว ก็ปรากฏว่า มีระดับของของนานาประเทศ ก็แสดงความผิดหวังกับการประชุมลับเพื่อเจรจาสันติภาพข้างต้นที่ถูกล้มเลิกไป อาทิ จีนแผ่นดินใหญ่ และปากีสถาน โดยที่นับว่า ผิดหวัง และออกอาการแสดงปฏิกริยาอย่างแรง ก็เห็นจะเป็นรายของ “พญามังกรจีนแผ่นดินใหญ่” ซึ่งถึงขนาดไฟเขียวส่ง “นายหวัง อี้” ผู้ดำรงตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ” ออกมาส่งเสียงแสดงความผิดหวังข้างต้นที่มีขึ้นกันเลยทีเดียว
โดยนายหวัง อี้ แถลงในระหว่างการเดินทางเยือนปากีสถาน และได้พบปะกับ “นายชาห์ มาห์มุด คูราชี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน” และ “นายซาลาฮุดดิน รับบานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถาน” ที่กรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงของปากีสถาน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์นี้
ถ้อยแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งหวังว่า สหรัฐฯ และตาลิบัน จะเจรจากันต่อเนื่อง และสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ ในอันที่จะนำพาสันติภาพให้บังเกิดในอัฟกานิสถาน
พร้อมกันนี้ นายหวัง อี้ ระบุด้วยว่า ทางการจีนแผ่นดินใหญ่ ยังได้กระตุ้นเตือนไปยังสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำกองกำลังผสมชาติพันธมิตร เร่งถอนกำลังทหารออกจากอัฟกานิสถาน อย่างเป็นระเบียบและรับผิดชอบจากสงครามที่บังเกิดขึ้นภายใต้การนำของสหรัฐฯ โดยเร็ว เพื่อให้สันติภาพบังเกิดขึ้น หลังทำสงครามกับตาลิบันมาเป็นเวลานานถึง 18 ปี
ขณะที่ บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า เหตุปัจจัยที่ทำให้พญามังกรจีนแผ่นดินใหญ่ ต้องออกตัวแรงหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทวีตข้อความยกเลิก หรือจะเรียกได้ว่า เป็น การล้มโต๊ะเจรจากับตาลิบันที่จ่อกำลังจะมีขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้านั้น ก็เพราะเหตุสงครามและความรุนแรงเป็นประการต่างๆ ในอัฟกานิสถาน กระทบกระเทือนต่อการดำเนินแผนการสถาปนาอภิมหาโครงการ “เส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21” หรือ “วัน เบลท์ วัน โรด” ที่จีนแผ่นดินใหญ่ หมายมั่นปั้นมือถึงความสำเร็จในเมกะโปรเจ็กต์ อภิมหาโครงการข้างต้นนั่นเอง โดยถ้าไฟสงครามยังไม่มอดดับ มีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในอัฟกานิสถาน หนึ่งในประเทศที่เส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษพาดผ่าน และยังมีพรมแดนติดกับจีนแผ่นดินใหญ่ ก็จะส่งผลกระทบต่ออภิมหาโครงการของจีนแผ่นดินใหญ่ไม่น้อยเหมือนกัน ไม่นับกรณีที่พญามังกรหมายมั่นปั้นมือที่จะ “สยายกรงเล็บ” รุกคืบขยายอิทธิพลเข้าไปในอัฟกานิสถาน เบียดขับอิทธิพลของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ ในอัฟกานิสถานอีกต่างหาก โดยนอกจากจะได้อิทธิพลแล้ว ก็ยังมีสินแร่ ที่จะเป็น “แร่ธาตุหายาก” ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในโลกยุคดิจิตอล ณ เวลานี้ เป็นบำเน็จกำนัลมืออีกต่างหาก