วันศุกร์ที่ 6 กันยายน 2562 เวลา 10.45 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ เดินทางไปติดตามความก้าวหน้าของโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะพร้อมระบบส่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลห้วยซ้อ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2559 เพื่อช่วยเหลือราษฎร ที่ประสบความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยโป่งแงะฯ เริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อตุลาคม 2561 มีขนาดความจุที่ระดับเก็บกัก 460,820 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะดำเนินการแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกันยายน 2562 นี้ และเมื่อโครงการแล้วเสร็จส่งผลให้ราษฎรบ้านเวียงหมอก จำนวน 340 ครัวเรือน รวม 1,748 คน มีแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคและทำการเกษตรได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมทั้งยังสามารถช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกในช่วงฤดูฝนได้ถึงจำนวน 1,000 ไร่ ฤดูแล้ง 600 ไร่ และเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการน้ำราษฎรได้มีการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำเพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน และร่วมกันบำรุงรักษาโครงการฯ ให้เกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป โอกาสนี้ องคมนตรี และคณะฯ ได้พบปะเยี่ยมราษฎรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการฯ ร่วมทั้งปลูกต้นไม้ และร่วมปล่อยพันธุ์ปลาในอ่างเก็บน้ำเพื่อขยายพันธุ์เป็นแหล่งอาหารโปรตีนให้กับราษฎร ต่อไป ต่อมาเวลา 13.30 น. องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ข้าวต้มท่าสุดอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เพื่อติดตามการดำเนินงานโครงการฯ ตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยก่อสร้างแล้วเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เพื่อช่วยเหลือราษฎรจำนวน 6 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่ที่ 2 บ้านสันต้นกอก, หมู่ที่ 3 บ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด, หมู่ที่ 4 บ้านห้วยเคียน, หมู่ที่ 5 บ้านบ่อทอง, หมู่ที่ 8 บ้านศรีวิเชียร และหมู่ที่ 10 บ้านแม่ข้าวต้มท่าสุด ซึ่งอ่างเก็บน้ำแม่ข้าวต้มสุดฯ มีขนาดความจุที่ระดับเก็บกัก 520,000 ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันราษฎรจำนวน 2,212 ครัวเรือน รวม 5,198 คน มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ รวมทั้งเป็นแหล่งน้ำสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรมได้ถึง 1,800 ไร่ ทำให้ราษฎรสามารถปลูกข้าวได้ทั้งข้าวนาปีและข้าวนาปรัง โดยข้าวนาปีได้ผลผลิตเฉลี่ย 750 ถึง 800 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวนาปรังเฉลี่ย 900 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันดูแล บำรุงรักษาอ่างเก็บน้ำ และรักษาป่าต้นน้ำลำธารในรูปแบบของกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำแม่ข้าวต้มท่าสุดอีกด้วย จากนั้นองคมนตรี และคณะฯ ได้พบปะเยี่ยมราษฎรและซักถามความเป็นอยู่ เพื่อรับทราบปัญหาอุปสรรคและความต้องการการใช้น้ำเพื่อนำไปพัฒนาต่อยอด ขยายผล ตามพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอดโครงการในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชนโดยทั่วถึงกัน