วันที่ 6 ก.ย. 2562 ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "รวมพลังคนไทย อาสาสู้โกง" โดยนายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) ACT และองค์กรสมาชิก ร่วมกันจัดงาน "วันต่อต้านคอร์รัปชัน" ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 ภายใต้แนวคิด"รวมพลัง...อาสาสู้โกง"
สำหรับการจัดกิจกรรมเริ่มด้วยการเดินพาเหรดต่อต้านการโกงนำโดยนายวิเชียร พงศธร ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ประเทศไทย) พร้อมพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และเครือข่ายภาคประชาชน ภาคเอกชนและภาครัฐ เพื่อแสดงพลังของเครือข่ายและการตื่นตัวต่อการต่อต้านคอร์รัปชั่น
นายวิเชียร กล่าวว่า หลังจากที่เราได้ผลักดันแก้ปัญหาคอรัปชันมามากว่า 7 ปี พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก โดยที่ประชาชนเริ่มตื่นตัวเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่นมากถึง 99% ตลอดจนประชาชนเริ่มอยากมีส่วนร่วม ในการต่อต้านคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้น70-80% ทั้งนี้ปัญหาการทุจริตมักจะเกิดในเหตุการณ์ใกล้ชิด ส่งผลกระทบไปในหลายส่วนที่อาจทำให้เกิดการแตกแยก เช่น การทุจริตในระบบการศึกษา ยาเสพติด อาชญากรรม และเศรษฐกิจ ซึ่งเราต้องช่วยกันแก้ไข และไม่ยอมจำนน เพื่ออนาคตลูกหลาน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า เราต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรที่ร่วมกันต่อต้านการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน ที่จะนำข้อมูลมาเป็นส่วนหนึ่งบูรณาการปราบปราม ซึ่งปัญหาการทุจริตนั้นต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นๆของบ้านเมือง
อย่างไรก็ตามหากย้อนมองดูดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก หรือ CPI ที่มีการระบุว่าปัญหาคอร์รัปชั่นในสิงคโปร์ มีน้อยกว่า ประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบเงินที่อยู่ 100 บาทในการบริหารประเทศ ประเทศสิงคโปร์เงินหายไป 15 บาทอีก 75 บาทนำไปพัฒนาประเทศ แต่ประเทศไทยเงินกลับหายไป 70 กว่าบาทเหลืออีก 30 บาทเพื่อเข้าไปพัฒนาประเทศ แล้วแบบนี้ประเทศไทยจะสู้กับประเทศอื่นๆได้หรือไม่
สำหรับปัญหาคอร์รัปชั่นส่วนหนึ่งเกิดจากการเสพอำนาจและผลประโยชน์ ผ่านหารบริหารงานของข้าราการการเมือง ข้าราชการประจำ และผู้ประกอบการ ซึ่งบุคคล 3 กลุ่มนี้ถือมีส่วนร่วมงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งหากย้อนดูจากคดีทุจริตในขณะนี้ก็จะเห็นได้ว่าบุคคลทั้ง 3 กลุ่มนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องตลอด ถือว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้เกิดปัญหาหาการคอร์รัปชั่นนั้นเอง เพราะเพียงผลประโยชน์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ทรัพย์สินเงินทอง แต่ยังรวมไปถึงความก้าวหน้าทางการงาน ความปลอดภัยของครอบครัวและคนรอบข้าง จึงทำให้คนมองละเลยถึงการคอร์รัปชัน ทำให้ปัญหาคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่แก้ยาก
นายวิเชียร กล่าวว่า หลังจากที่เราได้ผลักดันแก้ปัญหาคอรัปชันมามากว่า 7 ปี พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก โดยที่ประชาชนเริ่มตื่นตัวเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่นมากถึง 99% ตลอดจนประชาชนเริ่มอยากมีส่วนร่วม ในการต่อต้านคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้น70-80% ทั้งนี้ปัญหาการทุจริตมักจะเกิดในเหตุการณ์ใกล้ชิด ส่งผลกระทบไปในหลายส่วนที่อาจทำให้เกิดการแตกแยก เช่น การทุจริตในระบบการศึกษา ยาเสพติด อาชญากรรม และเศรษฐกิจ ซึ่งเราต้องช่วยกันแก้ไข และไม่ยอมจำนน เพื่ออนาคตลูกหลาน
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษว่า เราต้องอาศัยความร่วมมือจากองค์กรที่ร่วมกันต่อต้านการทุจริต ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และสื่อมวลชน ที่จะนำข้อมูลมาเป็นส่วนหนึ่งบูรณาการปราบปราม ซึ่งปัญหาการทุจริตนั้นต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นๆของบ้านเมือง
อย่างไรก็ตามหากย้อนมองดูดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศต่างๆ ทั่วโลก หรือ CPI ที่มีการระบุว่าปัญหาคอร์รัปชั่นในสิงคโปร์ มีน้อยกว่า ประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบเงินที่อยู่ 100 บาทในการบริหารประเทศ ประเทศสิงคโปร์เงินหายไป 15 บาทอีก 75 บาทนำไปพัฒนาประเทศ แต่ประเทศไทยเงินกลับหายไป 70 กว่าบาทเหลืออีก 30 บาทเพื่อเข้าไปพัฒนาประเทศ แล้วแบบนี้ประเทศไทยจะสู้กับประเทศอื่นๆได้หรือไม่
สำหรับปัญหาคอร์รัปชั่นส่วนหนึ่งเกิดจากการเสพอำนาจและผลประโยชน์ ผ่านหารบริหารงานของข้าราการการเมือง ข้าราชการประจำ และผู้ประกอบการ ซึ่งบุคคล 3 กลุ่มนี้ถือมีส่วนร่วมงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งหากย้อนดูจากคดีทุจริตในขณะนี้ก็จะเห็นได้ว่าบุคคลทั้ง 3 กลุ่มนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องตลอด ถือว่าเป็นกลุ่มที่ทำให้เกิดปัญหาหาการคอร์รัปชั่นนั้นเอง เพราะเพียงผลประโยชน์ที่ไม่ใช่เพียงแค่ทรัพย์สินเงินทอง แต่ยังรวมไปถึงความก้าวหน้าทางการงาน ความปลอดภัยของครอบครัวและคนรอบข้าง จึงทำให้คนมองละเลยถึงการคอร์รัปชัน ทำให้ปัญหาคอร์รัปชันเป็นเรื่องที่แก้ยาก