รายงานพิเศษ ครอบครัว “รักจงเจริญ” ต้องใช้เวลารอคอยยาวนานถึง5ปีกว่าที่จะได้รับรู้ว่า วันนี้คนที่รัก คนที่เป็นนักสู้เพื่อสิทธิ์ของพี่น้องชาวกะเหรี่ยง “บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ ได้เสียชีวิตจากการถูกฆาตรกรรม บังคับให้หาย แม้ก่อนหน้านี้ แทบทุกคนในครอบครัวอาจไม่มีความหวังที่จะได้พบบิลลี่ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)เปิดแถลงข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำคณะทำงานร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของ พอละจี หรือบิลลี่ รัก แกนนำกะเหรี่ยงโป่งลึก-บางกลอย ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2557 โดยดีเอสไอระบุว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.62 และวันที่ 22-24 พ.ค.62 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และนักประดาน้ำ จากกองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน “ พบชิ้นส่วนกระดูก 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร 1 ถัง เหล็กเส้น 2 เส้น ถ่านไม้ 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน จากนั้นส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์พบว่า “วัตถุเป็นชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูกจากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200-300 องศาเซลเซียส ตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี เมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ นายพอละจี รักจงเจริญ ที่เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี ส่วนถังน้ำมัน เหล็กเส้น ถ่านไม้ และเศษฝาถังน้ำมัน ได้ส่งศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 7 สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ตรวจพิสูจน์หาร่องรอยการผ่านความร้อนและการผุกร่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์” บางส่วนบางตอนจากการแถลงของพ.ต.อ.ไพสิฐ ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อคดีดังกล่าวจากกรณีคนหาย ให้กลายเป็นการฆาตรกรรมที่ต้องสืบสวนสอบสวน “คนลงมือ” รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของบิลลี่ แน่นอนว่า การทวงคืนความยุติธรรมให้กับ บิลลี่ กำลังเริ่มต้นนับหนึ่งอีกครั้ง ท่ามกลางความสนใจจากสังคมที่เฝ้าจับตาและหาคำตอบต่อการหายตัวของบิลลี่ สำหรับบิลลี่ อายุ 31ปี เป็นแกนนำกลุ่มชาติพันธุ์เชื้อสายกะเหรี่ยง เกิดที่บ้านบางกลอยบน จ.เพชรบุรี เป็นหลานชายของ “ปู่คออี้” ผู้นำทางจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์บางกลอยบนแห่งผืนป่าแก่งกระจาน ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว บิลลี่ สามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้ จึงทำให้เขามีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นล่าม ทำงานเพื่อผลักดันสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ นอกจากนี้บิลลี่ ยังเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี บิลลี่ แต่งงานกับ “พิณนภา พฤกษาพรรณ” หรือ “มึนอ” มีบุตรด้วยกัน 5 คน ก่อนเสียชีวิต บิลลี่เคยพูดกับมึนอ ภรรยาว่า หากวันหนึ่งเขาหายไป ก็ไม่ต้องตามหา แต่ขอให้รู้ไว้ว่า เขาถูกฆ่าตายไปแล้ว นั่นเป็นเพราะตลอดระยะเวลาของการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิ์ของพี่น้องชาวกระเหรี่ยงทำให้เขาเองต้องขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ มาโดยตลอด และแล้วสิ่งที่บิลลี่เคยพูดเอาไว้ก็เป็นความจริง เพราะนับจากวันเช้าของวันที่ 17 เม.ย. 2557 เขาเดินทางออกจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย และไม่เคยได้กลับมาหาครอบครัวอีกเลย