ท่ามกลางสภาพอากาศปัจจุบันที่ย่ำแย่ลงด้วยมลพิษมากมาย ก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาที่ต้องพึงระวังไว้
นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า ปัจจุบันโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคแพ้อากาศมีแนวโน้มมากขึ้น หากเด็กเป็นหวัดบ่อยๆ เรื้อรังเป็นเวลานานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และจามบ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงเช้า หรือคันตา เป็นๆ หายๆ คัดจมูก หายใจไม่สะดวกร่วมกับมีน้ำมูกใสๆ ทุกวัน ให้สงสัยว่าน่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ของจมูก โดยเฉพาะหากมีประวัติโรคภูมิแพ้ในครอบครัว
แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อแยกจากโรคไซนัสอักเสบ โรคติดเชื้ออื่นๆ ในโพรงจมูก หรือภาวะที่มีสิ่งแปลกปลอมในโพรงจมูก ซึ่งอาจพบในเด็กได้บ่อย
นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การดูแลเด็กที่มีภาวะโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้และสิ่งที่กระตุ้น เป็นหลักสำคัญที่สุดในการรักษา ผู้ปกครองจึงต้องสังเกตสิ่งที่กระตุ้นให้เด็กเกิดอาการด้วย
สิ่งที่พบว่าเด็กมักจะแพ้ คือ ตัวไรฝุ่นในบ้าน ในห้องนอน หรือตุ๊กตาที่ใช้นุ่นหรือสำลี ฝุ่นบ้าน ซากแมลง กลิ่นของสารเคมี น้ำหอม ควันบุหรี่ จึงควรจัดห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นของเด็กให้สะอาด ห้องนอนเด็กไม่ควรใช้พรมปูพื้นหรือมีข้าวของรกรุงรังซึ่งอาจทำให้กักฝุ่นได้
ควรทำความสะอาดด้วยการถูน้ำทุกวัน กำจัดตัวไรฝุ่นโดยซักผ้าปูเตียง ปลอกหมอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส นานอย่างน้อย 15 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ซึ่งสามารถช่วยลดการสัมผัสต่อสารก่อภูมิแพ้จากตัวไรฝุ่นได้ดี
นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่ เนื่องจากอาจทำให้น้ำมูกไหล จาม ตาแดง ไอ หรือหอบหืด ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ระมัดระวังการติดเชื้อหวัดจากคนใกล้ชิดในบ้านหรือที่โรงเรียน
ผู้ปกครองควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์โดยเคร่งครัด ไม่ควรงดใช้ยาเอง เนื่องจากยาบางชนิดอาจต้องใช้เวลาพอสมควรจึงจะเห็นผลรักษา และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่อง