เมื่อวันที่ 3 กันยายน ภายหลังจากทราบการแถลงผลการสอบสวนของกรมสอบสวนพิเศษหรือดีเอสไอที่พบชิ้นส่วนกระดูกนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ในถังที่จมอยู่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวนในอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน ได้มีปฏิกริยาอย่างกว้างขวางจากหลายฝ่าย โดยในส่วนของครอบครัวของนายบิลลี่นั้น นายเจริญ รักจงเจริญ พี่ชายของบิลลี่ กล่าวว่าพี่ๆน้องๆและแม่ต่างยินดีและรู้สึกขอบคุณดีเอสไอที่ช่วยทำความจริงให้ปรากฎ ซึ่งก่อนหน้านี้ดีเอสไอได้นำภาพถ่ายกระดูกมาให้แม่และตนดู ซึ่งแม่เชื่อ 100% ว่าเป็นกระดูกของน้องชายตน “ครอบครัวเรารู้สึกพอใจในผลการสอบสวนที่ออกมา เราอยากนำกระดูกของบิลลี่ไปทำบุญ แต่ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้นำกลับมา ไม่รู้ว่าต้องรอให้คดีสิ้นสุดก่อนหรือไม่ แม่บอกว่าอยากเห็นคนที่ทำผิดถูกลงโทษ ขณะที่ชาวบ้านบางกลอยเองก็รู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้นที่เห็นการทำงานของดีเอสไอ”นายเจริญ กล่าว ขณะที่น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือมึนอ ภรรยานายบิลลี่ ได้โพสต์เฟสบุคในชื่อรัก จงเจริญ ระบุว่านาย พอละจี (บิลลี่) รักจงเจริญ ชอบเลข 3 กับเลข7 พอแยกบ้านเลขที่ออกจากทะเบียนบ้านแม่ ได้บ้านเลขที่37 ทำประกันชีวิตในวันที่17ก.ย.56 ถูกบังคับให้หายจากครอบครัวไป ที่17เม.ย.57 ลงสมัครสมาชิก อบต.ก็ได้เลข3 ผ่านไป5ปี และวันนี้วันที่3ก.ย.62เป็นวันที่สังคมโลกภายนอกได้รับรู้ว่า นายพอละจี บิลลี่ รักจงเจริญ อยู่ไหน “ โห? เลขอะไรช่างลงตัวขนาดนี้นะ แต่สำหรับเราเป็นวันที่จุกอกหายใจไม่สะดวก จริงๆแล้วไม่อยากจะคุยกับใครใดๆทั้งสิ้นเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับความรู้สึกต่างๆนาๆเกินกว่าที่จะบรรยายจนลงกะเพาะแน่นเต็มจุกอกไปหมด แต่กลับกันอยากรู้ว่าคนกระบวนการที่กระทำกับบิลลี่นั้น คือบิลลี่ไปทำอะไรให้เจ็บปวดอย่างไรถึงขั้นเอาชีวิตบิลลี่ไปได้ลงคอ จิตใจคนที่ทำกระบวนการเอาชีวิตบิลลี่ไปนั้นสร้างด้วยอะไร ยังเป็นมนุษย์กันอีกอยู่หรือเปล่า คือตอนนี้รู้แล้วว่าบิลลี่เสียชีวิตอยู่ตรงนั้นแล้ว #แต่อยากรู้ว่าบิลลี่ทำผิดอันใดมา ถึงต้องเอาชีวิตบิลลี่ไป #ขอคำชี้แจงด้วยค่ะ” มึนอระบุไว้ในเฟสบุค