ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก Peace News โพสต์ข้อความระบุว่า... “จตุพร”มั่นใจแก้ รธน.แล้ว ทำ ศก.ฟื้น บี้ฝ่าย รบ.อย่าอ้าง ศก.แย่หลีกแก้ รธน. “จตุพร” ชวน ปชช.ผนึกกำลังแข็งแรง ประสานเสียงให้ดัง เชื่อเรียกร้องกดดันทั้ง ส.ส. และส.ว.มาร่วมแก้ รธน.ได้สำเร็จ ชี้หนทางเดียวในการพัฒนาชาติ คือ การแก้ รธน.ที่เป็นอุปสรรค ซ้ำร้ายยังทำให้ ปชช.ผจญปัญหา ศก. หนักหน่วง ยันถ้าไล่รัฐบาลออกไป ก็กลับมาใหม่ตามช่อง รธน. 60 ย้ำหนทางเดียวต้องแก้ รธน. เมื่อ 1 ก.ย. 2562 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการลมหายใจพีซทีวี เวทีทัศน์ โดยเรียกร้องให้ประชาชนผนึกกำลังกันเข้มแข็ง แล้วประสานเสียงเรียกร้องทุกภาคส่วนให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นอุปสรรคการพัฒนาชาติ ดังนั้น สิ่งสำคัญถ้าประชาชนเสียงดังการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะสำเร็จ นายจตุพร กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า รัฐบาลชุดนี้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ แต่รัฐบาลชุดที่แล้วยังแก้ไขเศรษฐกิจได้ดีกว่า ทั้งที่เป็นนายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน เพราะเศรษฐกิจในปีที่ 6 หนักกว่า 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีคนเดิมยังแก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้น โอกาสการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลทั้ง 2 ชุดจึงล้มเหลวสิ้นเชิง การแจกเงินให้ประชาชน 1,000 บาท แต่จุดจบสุดท้ายกลับไปรวมกันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งล็อคประเทศไว้ทั้งหมดด้วยกลุ่มทุนใหญ่ “หากถามว่า จะทำอย่างไร จะเรียกร้องให้รัฐบาลเสียสละลาออกหรือ คงไม่มีทาง แต่เมื่อประเทศถูกล็อคด้วยรัฐธรรมนูญที่เป็นอุปสรรค ถ้าไม่แกะล็อคออกก็แก้ไขปัญหาชาติไม่ได้ อีกทั้งการคิดแต่เอาเปรียบทางการการเมือง โดยตั้งคน 250 คนเป็น ส.ว.เพื่อจะได้เป็นผู้ชนะ ซึ่งยังแก้ไขปัญหาชาติไม่ได้เช่นกัน” นายจตุพร กล่าวว่า ทุกภาคส่วนต้องคิดเหมือนกัน ปัญหาจะเอารัฐบาลออก เขาก็กลับเข้ามาอีก ดังนั้น ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทุกภาคส่วนเห็นพ้องกัน โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อไปฟังประชาชนว่า ต้องการอะไร เพราะต้องยอมรับความจริงว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 เลวร้ายกว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 หลายเท่า “เสียงประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องเสียงดัง รวมทั้งฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบในสิ่งที่รับปากประชาชนไว้เช่นเดียวกัน อย่ามาอ้างว่าต้องแก้ไขเศรษฐกิจก่อน อย่าเอาปัญหาเศรษฐกิจมาเป็นอุปสรรคต่อการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการหลีกเลียงเพื่อไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเท่านั้น” นายจตุพร ย้ำว่า เสียงประชาชนต้องดังเพื่อสะกด ส.ว. ซึ่งรัฐธรรมนูญเขียนไว้ต้องมีจำนวน 1 ใน 3 หรือ 84 เสียงมาหนุนในการแก้ไขด้วย นอกจากนี้ เสียงที่ดังจะหนุนไปถึงขั้นตอนการทำประชามติอีกแล้วไปถึงศาลรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น ถ้าประชาชนไม่เสียงดัง ไม่ผนึกกำลังให้แข็งแรง ก็ไม่มีวันสำเร็จได้ สิ่งสำคัญขณะนี้ คือ ทั้งภัยธรรมชาติ และภัยเศรษฐกิจ ได้รุมกระหน่ำทำให้ประชาชนเกิดทุกข์ยาก เดือดร้อนหนักขึ้นแต่รัฐมนตรีจากรัฐบาลกลับไม่วางแผนไว้ อยากให้รัฐมนตรีไปเดินตลาดบ้าง จะได้รู้ว่า ประชาชนลำบากอย่างไร “ถึงที่สุดแล้ว ถ้าเราไล่พวกเขาออก เขาก็กลับมาอีก เพราะกับดักอยู่ที่รัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้น เราจึงต้องเสียงดังอย่างแข็งแรงเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน” นายจตุพร กล่าวว่า บนเส้นทางการต่อสู้ คำพิพากษาศาลฎีกาให้ชดใช้เงินเป็นสิบล้าน เราน้อมรับ แต่ยังไม่มีเงิน ด้วยเหตุนี้ การทำใจจึงเป็นสิ่งรับมือกับปัญหาได้ดีที่สุด เราต้องมองปัญหาเป็นเรื่องเล็ก ต้องคิดแก้ไขปัญหา ต้องมองว่าปัญหาเป็นโอกาสให้แก้ไข ไม่ใช่อุปสรรค “เราต้องลุกขึ้นเพื่อเดินไปข้างหน้า คำพิพากษาศาลฎีกาที่มีต่อผมเป็นเรื่องเล็กกว่าปัญหาของประชาชนมาก แต่เราต้องทำหัวใจให้แข็งแรง และต่อสู้กับภัยธรรมชาติ กับภัยเศรษฐกิจรุมกระหน่ำ ดังนั้น สิ่งจำเป็น เราต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ที่กระแสของประชาชนเรียกร้องและกดดัน ส.ว.”