จีนออกโรงเตือนมะกัน สงครามการค้าทำเศรษฐกิจตัวเองพัง ลั่นไม่กลัว ซัดเอาจีนเป็นแพะรับบาปการต่อสู้การเมืองภายในประเทศ-ความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจเชิงลึก แต่จีนไม่มีวันล้ม พร้อมไม่ปิดประตูเจรจา แต่ต้องดำเนินบนพื้นฐานเสมอภาคเคารพผลประโยชน์แท้จริงซึ่งกันและกัน ระบุจีนได้ปรับกลไกเศรษฐกิจเน้นสร้างความเข้มแข็งภายใน พร้อมเดินหน้าสัมพันธ์ไทยสนับสนุนพัฒนา AI โลจิสติกส์ 5Gเผยจีนเข้าสู่ยุคเติบโตอย่างมีคุณภาพเดินหน้า BRI-เมด อินไชนา 2025 ผุดระบบโซเชียลเครดิต เรทติ้ง ขณะเดียวกันลงทุนด้านนวัตกรรมมานานกำลังเริ่มเห็นผลเวลานี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย จัดการอภิปรายในหัวข้อ “มองจีนยุคใหม่ความท้าทายที่สื่อไทยควรรู้”ที่โรงเแรมอโนมา โดยนายมงคล บางประภา นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดการอบรมซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่สอง โดยทางสถานทูตจีนให้การสนับสนุนโดยไม่ได้เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงทั้งการเลือกวิทยากรหรือเลือกเยี่ยมชมสถานที่ ซึ่งมีคำถามว่าสมาคมนักข่าวเน้นจัดกิจกรรมกับทางสถานทูตจีนเป็นพิเศษหรือไม่ ต้องขอชี้แจงว่าสมาคมไม่ได้ร่วมจัดกิจกรรมกับเฉพาะแค่ทางฝ่ายจีนแต่เปิดกว้างร่วมกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยประสานงานกับหลายประเทศ อย่างไรก็ตามการให้ความสำคัญกับประเทศจีนในช่วงนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการช้าเกินไปด้วยซ้ำเพราะในสภาพสังคมเศรษฐกิจ สังคม การเมืองโลกและในภูมิภาค เราจะเห็นบทบาทจีนอย่างมาก ถ้าเราไม่เรียนรู้ก็จะตกขบวน ที่ผ่านมานักลงทุนไทยไปลงทุนในจีน นักลงทุนจีนมาลงทุนในไทยเยอะมาก นักท่องเที่ยวเดินทางไปมาหาสู่กันเยอะมีความใกล้ชิด นางหยาง หยาง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า กิจกรรมนี้ทางสมาคมเป็นผู้ริเริ่มและทางสถานทูตเป็นผู้สนับสนุนแค่ออกเงินไม่ได้ต้องบอกว่าไปดูอะไรเชิญวิทยากรคนไหนซึ่งกิจกรรมนี้จะเป็นการสร้างสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือของทั้งสองฝ่าย หวังว่าการเดินทางไปดูงานที่ประเทศจีนจะทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในมุมที่หลากหลายไม่เหมือนในความทรงจำที่ผ่านมา ทั้งนี้ในปีนี้จะเป็นปีที่ครบรอบ 70ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะเห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีความเจริญเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งเป็นปีที่เปิดประตูสู่ภายนอก จากจีดีพีที่อยู่ประาณ 2.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 13.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จีดีพีคิดเป็น 2 ใน 3 ของสหรัฐฯและคิดเป็น 2.8 เท่าของญี่ปุ่น จีดีพีเฉลี่ยต่อหัวเกือบ 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯในปี 2013-2018 จีนช่วยให้เศรษฐกิจเติบโต 28.1% สำหรับรายละเอียด ทางด่วนของจีนทะลุ 1.4 แสนกิโลเมตร รถยนต์ส่วนตัวมี 200 ล้านคันเป็นอันดับหนึ่ง รถไฟความเร็วสูง 2.9 หมื่นกิโลเมตรเป็นอันดับหนึ่ง มีแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า สมาร์ทโฟนเป็นที่รู้จัก มีบริษัท 120 แห่ง เข้าบริษัทท็อป 500 มากกว่าสหรัฐฯ ในแง่ชีวิตความเป็นอยู่พัฒนาจนจะขจัดความยากจนสิ้นเชิงด้วยการออกแบบการการขจัดความยากจนตั้งเป้าหมายตรงจุดโดยจะสามารถขจัดคนจน 82.3 ล้านคนได้อย่างสิ้นเชิงในปีหน้า “ที่ผ่านมามีเพื่อนคนไทยชอบถามเรื่องสงครามการค้าเราไม่ยอมทำสงครามกับใครทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะสหรัฐฯบังคับ เพราะท่าทีเราชัดเจนว่าสงครามการค้าไม่มีฝ่ายชนะ แต่ขอย้ำว่าเราไม่กลัว แต่ต้องยอมรับว่าจีนได้ผลกระทบและสหรัฐก็โดนเองด้วย โดยเศรษฐกิจจีนประสบแรงกดดันแรงในครึ่งปีแรกเศรษฐกิจจีนเติบโตลดลง 6.4% ต่ำสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา” อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจจีนยังไหว ที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่าจีนไม่มีวันล้ม ยอดมูลค่าส่งออกนำเข้าเพิ่มขึ้น แค่ปรับจากเดิมที่เคยเน้นการเติบโตความเร็วสูงมาเป็นเน้นการเติบโตที่เน้นคุณภาพ โดย 1.เน้นความต้องการภายในเป็นหลักอาศัยการส่งออกลดลง 2.นวัตกรรม โดยการลงทุนด้านวิจัยศึกษาของจีนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 20% ต่อปี หรือ 2 ล้านล้านหยวน การลงทุนด้านอุตสาหกรรมไฮเทคเพิ่มขึ้นกว่า 10% 3.ชีวิตความเป็นอยู่มีความพยายามผลักดันโครงสร้างพื้นฐานระบบใหม่ ทั้งโครงสร้าง 5G ระบบการส่งไฟฟ้าเร็วสูงเชื่อมระหว่างเมือง อาคารจอดรถมีเสาชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยน์ ไปจนถึงเรื่อง IoT Big Data 4.เปิดประตูกว้างรับการลงทุน ที่ผ่านมามีการลดภาษีศุลกากรจาก 9.8% เหลือ 7.5% รวมทั้งผ่านกฎหมายการลงทุนต่างประเทศ อีกทั้งล่าสุดเกิดปรากฏากรณ์โคสต์โค ห้างสรรพสินค้าจากสหรัฐฯที่ไปเปิดในจีนได้รับความนิยมจนรถติด 3 ชั่วโมงกว่าจะได้ที่จอดรถ แสดงให้เห็นถึงการเปิดกว้างรับนักลงทุนทุกคนรวมถึงสหรัฐฯแม้ในภาวะใต้สงครามการค้าเราก็ยินดีให้นักลงทุนมากค้าขาย นักลงทุนต่างชาติหากมีวิสัยทัศน์คงไม่ทิ้งตลาดจีนที่มีขนาดมโหฬารง่ายๆ “สงครามการค้าไม่ใช่ฝ่ายจีนริเริ่ม แต่เป็นฝ่ายอเมริกาเริ่ม เป็นฝ่ายที่พยายามขยายขอบเขตสงครามการค้าด้วย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจอเมริกาประสบภัย และอาจตกอยู่ในสภาวะอันตรายเอง วอลสตรีทเจอร์นอลเคยมีบทความเตือนอเมริกาว่า การโจมตีทางการค้าที่ไร้ระเบียบอาจทำให้เศรษฐกิจอเมริกาล่ม” ทั้งนี้รัฐบาลทรัมป์เอาประเทศจีนเป็นแพะรับบาปของการต่อสู้การเมืองภายในประเทศและความขัดแย้งด้านเศรษฐกิจเชิงลึก แต่ถามว่าจีนจะเจรจากับอเมริกาต่อไหม เราไม่ได้ปิดประตูเจรจา แต่ติดต่อกับอเมริกามาตลอด แต่ท่าทีของจีนชัดเจนคือ การเจรจาต้องดำเนินบนพื้นฐานเสมอภาค เคารพผลประโยชน์แท้จริง ซึ่งกันและกันถึงจะดำเนินการได้ โดยในแง่ความสัมพันธ์ปีนี้ครบรอบสถาปนา 70แห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน สำหรับคนไทยจะมีการยกระดับความร่วมมือเข้าสู่อีกระดับ เรายินดีจับมือฝ่ายไทยผลิต ผลักดันวันเบลท์ วันโรดเชื่อมโยงการพัฒนาระยะกลาง ระยะยาว ไทยมีจุดเด่นด้านภูมิศาสตร์หลายประการ เป็นศูนย์กลางอาเซียน จีนพร้อมร่วมมือฝ่ายไทยเร่งเดินหน้ารถไฟเร็วสูงเชื่อมโยงลาว เปิดตลาดกว้างใหญ่ รวมทั้งร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจดิจิตอล เอไอ โลจิสติกส์ โทรคมนาคม ผลักดันอุตสาหกรรมใหม่ พัฒนาอีคอมเมอร์ส เทคโนโลยี 5G ขณะที่ ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ขอแบ่งจีนออกเป็นสามยุคคือ ช่วง 1839 ซึ่งเป็นยุคจีนเก่าที่ถูกเรียกว่าเป็นศตวรรษแห่งความอดสู คนจีนติดฝิ่นงอมแงม เกิดสงครามฝิ่นครั้งแรก จนมาถึง 1949 ที่เป็นจีนยุคกลาง ตั้งแต่สมัยเหมา เจ๋อ ตง ที่ทำให้คนจากยุคอดอยากปากแห้ง เป็นยุคพอมีพอกิน จนสู่ยุคเหลือกินเหลือใช้ กลายเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จ ปี 2007 แซงญีปุ่นขึ้นเป็นเบอร์สองเศรษฐกิจโลกและกลายเป็นเบอร์หนึ่งในที่สุด จนกระทั่งมาถึงยุค New Normal ที่จีนต้องมาปรับเปลี่ยนไปสู่จีนยุคใหม่ เป็นการปฏิรูปภายใต้การนำของ สีเจิ้นผิง เป็นความคิดสังคมนิยมเชิงอัตลักษณ์ มีนโยบาย Made in China 2025 และ Belt and Road Initiative (BRI)ที่เป็นแนวทางการลงทุนอาเซียน เสริมพันธมิตรในภูมิภาคอาเซียน “จีนปรับตัวเยอะมากในการเข้าสู่ยุคนิวนอร์มอลในช่วงที่ผ่านมา 1978-2008 จีนโตเหมือนวัยรุ่น มีฮอร์โมน พลุ่งพล่าน เจริญเติบโตรวดเร็ว แต่บางทีเหมือนคนอารมรณ์ร้อน มีไปสร้างรอยแผลเป็นบ้าง แต่ตอนนี้จีนเข้าสู่วันเวลาที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความสุขุมคัมภีรภาพ อาจจะโตไม่เร็วแบบเดิม แต่เป็นการโตแบบมีคุณภาพเป็นการเติบโตไปพร้อมๆกันทั้งอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม” ทั้งนี้เมื่อพูดถึง 2โครงการหลัก เมดอินไชนา2025 มีวัตถุประสงค์หลักต้องการให้ 60% ของจีดีพีเป็นการกินใช้ภายในประเทศ ซึ่งต้องย้อนกลับมาดูที่ด้านดีมานด์ไซด์ ต้องทำให้คนจีนรวยก่อนพอรวยแล้วก็ซื้อของจีน จึงต้องทำให้เป็นของมีคุณภาพ ให้เจ้าของแบรนด์เนมมาลงทุนรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนแต่คุณจะต้องมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่จีนและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ จนทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ต้องออกมาตอบโต้ อีกด้านหนึ่งจีนต้องการเข้าถึงทร้พยากรและตลาดทำให้ต้องสร้างพันธมิตรใหม่ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า BRI เชื่อมโยงเมืองใหญ่ด้วยถนน รถไฟ ท่าเรือ เชื่อมทั้งโลก โดยก่อนหน้านี้เริ่มมีการพูดถึงจีนยุคใหม่ จีนแห่งอนาคต ซึ่งพูดครั้งแรกสมัยเจียง เจ๋อ หมิน เรื่องความฝันแห่งจีน ช่วงปี 1999-2000 ตั้งเป้าว่า ปี 2021 ในวาระครอบ 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์ คนจีนต้องกินดีอยู่ดีรายได้เฉลี่ย 10,000 หยวนต่อคนต่อปี จากเดิม 5,000 หยวน และปี 2049 ครบ 100 ปีแห่งการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนตั้งเป้าที่ต้องเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่สังคมเข้มแข็งทันสมัย มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนอย่างสมบูรณ์ภายใต้นโยบายจีนเดียว “การอยู่ในตำแหน่งของ สี เจิ้น ผิง อย่างต่อเนื่อง ทำให้สื่อตะวันตกมองว่าเป็นความพยายามทำให้เกิดระบบจักพรรดิขึ้นมาใหม่ ซึ่งจีนต้องการอย่างนั้น จึงต้องหาวิธีแก้ปัญหาด้วยการทำระบบคานอำนาจใหม่ จากที่มีอำนาจมี 5 เสาก็เพิ่มเสาที่ 6 ขึ้นมาคือคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการทุจริตแห่งชาติ เพราะคนที่จะมีอำนาจยาวต้องมีกระบวนการตรวจสอบการทุจริต” ทั้งนี้คณะกรรมการชุดนี้จะมีอำนาจสามารถเข้าไปสอบวิสาหกิจที่อยู่ภายนอกประเทศจีนได้ อย่างเช่นรถไฟในลาวที่ก่อสร้างช้า เพราะมีปัญหาเรื่องรัฐมนตรีถูกตรวจสอบเรื่องคอรัปชั่นซึ่งมีโทษถึงประหารชีวิตจนเมื่อเคลียร์ปัญหาเสร็จก็สามารถเดินหน้าคิกออฟปี 2013 และ2ปีเสร็จ โดยสิ่งที่จะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนล้มก็คือประชาชนจีน ผอ.ศูนย์อาเซียนศึกษา ระบุว่า จีนมีระบบไชนนา เกรท ไฟร์วอลล์ ที่ไม่ให้เข้าถึงอำนาจอธิปไตยบนโลกไซเบอร์ โดยจะมีระบบต่างๆเหมือนกับที่สากลมีแต่เป็นของจีน ทั้งระบบชอปปิ้งออนไลน์ การเงินออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เรียกแท็กซี่ภายใต้บริษัท alibaba ที่นำไปสู่เรื่องโซเชียล เครดิต เรทติ้ง หรือ Sesame Credit by Alibaba (AFSG)ที่เชื่อมโยงประวัติการจ่ายค่าบ้าน ค่ารถ บัตรเครดิต ย้อนไปดูว่าในอดีตจ่ายตรงเวลา จ่ายขั้นต่ำอย่างไร บ้านอยู่ในพื้นที่คนจนคนรวย มีพฤติกรรมการซื้อของอย่างไร ตรงนี้จะถูกนำไปประเมินเป็นโชเชียล เครดิต เรทติ้ง โดยยกตัวอย่างเช่น หากมีเรทติ้งเท่านี้คะแนนะสามารถกู้เงิน 5,000 หยวนได้โดยไม่ต้องยื่นเอกสารหลักฐาน หรือเช่ารถโดยไม่ต้องวางมัดจำ แต่อีกด้านหนึ่งคนที่มีพฤติกรรมไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลอยากให้เป็นเรทติ้งต่ำก็อาจเข้าถึงการใช้บริการบางอย่างไม่ได้เช่น ใช้บริการธุรกิจบางประเภท สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ประกันภัย หรือ ห้ามออกนอกประเทศ นายโจ ฮอร์น พัทธโนทัย กรรมการอำนวยการ บริษัท Strategy 613 กล่าวว่า นิวไชน่า เป็นโอกาสและความท้าทายที่อัตราการเติบโตลดลง ต้องปรับเปลี่ยนฐานเศรษฐกิจจากการส่งออกเป็นการบริโภคภายใน จึงหันมาสู่การพัฒนานวัตกรรมที่ลงทุนมานานแล้วกว่าจะเห็นผลวันนี้เช่น เรื่องควอนตัมฟิสิกส์ ที่ได้งบมาตั้งแต่ 1997 และกำลังเห็นผลการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้จีนมองประเทศเหมือนบริษัทที่มาร์จินโดนบีบให้ขายถูกลง ซื้อแพงขึ้น วิธีแก้คือขยายมาร์จินไปยังอัพสตรีม ทั้งเรื่อง เทคโนโลยี เหมือง หรือดาวสตรีมคือ ดิสทริบิ้วชั่น ซึ่งจีนมีความแข็งแกร่ง มีความสามารถในการก่อสร้างทั้งระบบราง สะพาน อุโมงค์ จนมียอดกการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ถนน ทางด่วนเป็นอันดับต้นของโลก แต่สร้างภายในประเทศหมดแล้ว ไม่สามารถทิ้งให้บริษัทเหล่านั้นหยุดทำงานได้ BRI จึงเป็นส่วนที่จะไปขยายไปยังประเทศอื่น “ระบบของจีนจะมีสมัชชาผู้แทนจีน หรือ NPC ทำหน้าที่คล้ายสภาของเรา 200 กว่าคน โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีกลไการคัดเลือกหัวกระทิเข้ามาทำงาน ซึ่งจะเห็นว่าบุคลการตั้งแต่ระดับมณฑลที่เลือกเข้ามาทำงานจะมีความเก่ง และทำงานหนักมากประมาณ 16 ชม.ต่อวัน เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ดี ถือเป็นจุดแข็ง” สำหรับเรื่องสงครามการค้าจีนกับอเมริกายังเป็นปัญหา เพราะเรื่องโทรศัพท์ของจีนข้างในก็เป็นชิปส์ที่ไม่ได้ผลิตจากจีน ขณะเดียวกันชิปส์อเมริกาที่นำมาใช้ก็มาจากจีน การที่2ประเทศนี้มาบล็อกกันเรื่องไฮเทคเป็นเรื่องยากที่จะแยกระบบกันได้ขาด จีนจึงต้องหันไปพัฒนานวัตกรรมที่ต้องการเอาชนะเรื่องเอไอ ซึ่งอุตสาหกรรมผลิตเอไอที่ดีที่สุดคือ อุตสาหกรรมเกม ซึ่งถือเป็นอาวุธลับของจีน การจะไปโฟกัสเพียงแค่เรื่อง 5G จึงอาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะเป็นเพียงแค่กลไกที่จะเข้าไปถึงเทคโนโลยีอื่นอย่าง IoT