ปอท.แถลงจับหนุ่มปลอมเฟซบุ๊กโปรไฟล์รูปหญิงสาวใช้นามสกุลบิ๊กตู่"จันทร์โอชา"หลอกขายนาฬิกาทางออนไลน์ มีเหยื่อหลงเชื่อนับร้อยราย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) พร้อม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.3 บก.ปอท. พ.ต.ท.เทพรัตน์ ศุกระกาญจน์ สว.กก.3 บก.ปอท. พ.ต.ต.อิสรพงศ์ ทิพย์อาภากุล สว.กก.3 บก.ปอท. และชุดสืบสวนกก.3 บก.ปอท. แถลงการจับกุมนายทัดภูมิ หรือ นัท ไชยกุลวัฒนา หรือ นัท อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1328/2562 ลงวันที่ 30 ส.ค. ซึ่งเป็นผู้ต้องหาปลอมเฟซบุ๊กโดยแอบอ้างนามสกุลนายกรัฐมนตรีหลอกลวงขายนาฬิกา แล้วไม่ส่งสินค้า โดยจับกุมได้ที่บ้านพัก อ.เมือง จ.เลย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ทางบก.ปอท.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านเว็บไซต์ของบก.ปอท. ว่ามีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ Surinya JanOcha (สุรินยา จันทร์โอชา) ซึ่งมีเจตนาให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลอกลวงขายสินค้านาฬิกาข้อมือ โดยมีการเสนอขายนาฬิกาหลายรุ่นในบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่านาฬิกาให้ก็จะตัดการติดต่อหรือบล็อกผู้ซื้อ จากการตรวจสอบพบว่ามีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวหลอกลวงขายสินค้าตามที่มีการร้องเรียนจริง โดยคาดว่าจะมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อประมาณ 100 คน ซึ่งมีผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวนบก.ปอท.แล้ว 7 ราย จากนั้นจึงทำการสืบสวนจนทราบว่านายนัท เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับ จากนั้นได้จับกุมตัวนายนัท ได้ที่บ้านพักในอ.เมือง จ.เลย พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์ สมุดบัญชี 1 เล่ม มีเงินคงค้างในบัญชี 30,000 บาท และนาฬิกาจำนวนหนึ่ง จากสอบถามนายทัดภูมิ ให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากต้องการเงินไปเล่นการพนันฟุตบอลออนไลน์ ส่วนสาเหตุที่ใช้นามสกุลของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เฟซบุ๊กมีความน่าเชื่อถือ มีเจตนาให้คนเข้าใจผิดให้เชื่อว่าเป็นญาตินายกรัฐมนตรี ซึ่งในครั้งแรกได้มีการซื้อขายนาฬิกาจริง หลังจากนั้นได้ใช้ภาพนาฬิกาแต่ไม่มีการส่งของให้ผู้ซื้อได้เงินแล้วปิดเฟซบุ๊กหนี โดยได้แฝงตัวขายนาฬิกาตามกลุ่มซื้อขายนาฬิกาต่างๆ หรือผ่านช่องทางที่มีบุคคลมาแสดงความคิดเห็นในคอมเม้นท์ต่างๆ โดยจะเสนอขายนาฬิกาที่ถูกกว่าท้องตลาด ในราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท จากราคาปกติ 3,000-4,000 บาท จากนั้นก็จะติดต่อพูดคุยกันผ่านอินบล็อก เมื่อผู้เสียหายโอนเงินก็จะบล็อกและหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นไปเรื่อยๆ โดยทำมาแล้วกว่า 100 ครั้ง ประมาณ 4 เดือนได้เงินเป็นจำนวนมาก พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขอฝากพี่น้องประชาชนที่นิยมติดต่อซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ให้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ขายให้รอบคอบเสียก่อนยกตัวอย่าง เช่น กรณีนี้หากผู้เสียหายนำชื่อของเจ้าของบัญชีธนาคารไปค้นหาใน Search Engine ก็จะพบข้อร้องเรียนที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์อยู่แล้วเป็นจำนวนมาก และการใช้สื่อออนไลน์จะต้องมีสติ ส่วนในปีที่ผ่านมาทางบก.ปอท.ได้ทำการปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปกว่า 1,500 เว็บไซต์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จากนั้นควบคุมตัวกลับมา กทม.ส่งพนักงานสอบสวนกก.3 บก.ปอท. ดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อค่ำที่ผ่านมา แล้วพาไปฝากขังศาลอาญา ในเช้าวันนี้แล้ว โดยไม่ได้นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวแต่อย่างใด