เมื่อวันที่ 30 ส.ค.62 พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย และ พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.เจนกมล คำนวล รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ประเสริฐ วิจิตรทัศนา รอง ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ปรก.รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.ชัชวาลย์ ทิพย์พิชัย ผกก.สส.บก.ตม.1 แถลงผลการจับกุมนายสุชาติ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2314/2558 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2558 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันปลอม ใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน, ร่วมกันกระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ" (หลอกรักออนไลน์ Romance scam พล.ต.ท.สมพงษ์ การจับกุมคดีนี้เกิดจากการสืบสวนและประสานงานของเจ้าหน้าที่ บก.ตม.1 และ บก.ปอท. ทำให้ทราบว่าคดีนี้ผู้เสียหายคือนางสุภา(ขอสงวนนามสกุล)ได้รู้จักกับคนร้ายผ่านบัญชีผู้ใช้งานเว็บไซต์เฟสบุ๊คดอทคอม (www.facebook.com) ชื่อว่า Mr.Kene คุยกันโดยการส่งข้อความหากันเป็นภาษาอังกฤษ ทางกล่องข้อความของเฟสบุ๊ค ทางนายเคเน่ ได้ส่งข้อความหลอกลวงผู้เสียหายว่า ขณะที่บิดามาทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซียและได้เสียชีวิต บิดาจะได้รับเงินจากการทำงาน จำนวน 3.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้ยื่นเรื่องต่อศาลที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อขอเป็นผู้จัดการมรดกจนชนะคดีแล้ว ทางรัฐบาลมาเลเซียก็ได้ส่งเอกสารมาให้ เพื่อไปรับเช็คเงินจำนวนดังกล่าวที่ประเทศมาเลเซีย และนายเคเน่ บอกกับผู้เสียหายว่า ถ้าได้เช็คเงินดังกล่าวแล้วจะพาครอบครัวมาลงทุน และอยู่กับผู้เสียหายในประเทศไทย ต่อมานายเคเน่ ได้แนะนำให้ผู้เสียหายรู้จักกับนางตะวันนา เพื่อนร่วมแก๊ง หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ได้ติดต่อกันจนสนิทสนมและเชื่อใจ นายเคเน่ กับนางตะวันนา จึงส่งข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงให้ผู้เสียหาย ช่วยเหลือเรื่องเงินในการดำเนินการต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนางตะวันนา ต่อจากนั้นนายเคเน่ ก็ได้ส่งข้อความเฟสบุ๊ค หลอกลวงขอให้ผู้เสียหายช่วยเหลือเงินค่าดำเนินการอื่นๆ อีก ทางผู้เสียหายก็ได้หลงเชื่อโอนเงินให้กับคนร้าย โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารในชื่อของนายสุชาติ , นางบุญช่วง , นางจิตรา และนางศิวพร รวมแล้วผู้เสียหายได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหากับพวกทั้งหมด รวม 8 บัญชี จำนวน 28 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 17,516,178 บาท ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมสมาชิกแก๊งนี้ได้แล้ว 3 ราย คือ 1.นางตะวันนา 2.นางบุญช่วง และ 3.นางสาวศิวพร และถูกดำเนินคดีไปแล้ว จากการประสานและตรวจสอบข้อมูลทำให้ทราบว่า นายสุชาติ ซึ่งเป็น 1 ในสมาชิกในแก๊งองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติดังกล่าว ที่ทางการต้องการตัวและติดตามจับกุมตัวยังไม่ได้ ตั้งแต่ปี 58 และได้หลบเข้ามาพักอาศัยอยู่กับพี่สาวที่อพาร์ตเม้นท์แห่งหนึ่ง ย่านคลองตัน โดยทำทีเป็นช่วยพี่สาวขายข้าวแกงและขับรถแท็กซี่รับจ้างทั่วไป พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวต่อว่า ทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้พยายามรวบรวมข้อมูลและแฝงตัวเข้าไปตรวจสอบ จนทราบแน่ชัดว่านายสุชาติ เป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับ จึงได้แสดงตัวและเข้าทำการจับกุมตัวพร้อมทรัพย์สินมีค่า มีสร้อยคอทองคำและรถยนต์ส่วนตัว 2 คัน ซึ่งไม่น่าจะได้มาจากการประกอบอาชีพดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และส่งตัวให้พนักงานสอบสวน ปอท.ดำเนินคดี และจะได้ทำการสอบสวนขยายผลเพื่อตามจับสมาชิกในแก๊งที่เหลือต่อไป ขณะเดียวกันทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้ระดมกวาดล้างจับกุมต่างด้าวผิดกฎหมาย และได้ออกตรวจสถานบริการ สถานประกอบการโรงงาน ที่มีคนต่างด้าวทำงาน โรงแรมและคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตลอดเวลา เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คนต่างด้าวผู้กระทำผิดใช้ประเทศไทยเป็นที่หลบซ่อน หรือใช้เป็นฐานที่มั่นในการกระทำผิด และหากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดของคนต่างด้าว หรือคนต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย โปรดแจ้งให้ที่ทางสายด่วน 1178