กว่า 2 สัปดาห์แล้ว หลังเหตุระเบิดและลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจ.นนทบุรีหลายจุด เมื่อวันที่ 1-2สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุดพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) จัดเตรียมคณะพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อรับโอนคดีระเบิดป่วนกรุงที่ล่าสุดพบว่ามีทั้งหมด 17 จุดจากตำรวจพื้นที่ต่างๆทั้งในกรุงเทพฯและ จ.นนทบุรี ไปดำเนินคดีเพียงฝ่ายเดียวโดยให้ทำเป็นคดีเดียวกัน เพื่อให้ง่ายต่อการดำเนินคดีเนื่องจากการสืบสวนที่ผ่านมาพบว่าระเบิดทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกันและกลุ่มผู้สั่งการน่าจะเป็นคนกลุ่มเดียวกัน แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่ชี้ชัดถึงสาเหตุของการเกิดเหตุ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะมีเป้าหมายเพื่อสร้างความวุ่นวายในกรุงเทพฯ
หากพบหลักฐานว่าใครเกี่ยวข้องกับกระทำความผิดก็ให้เร่งออกหมายจับเพิ่มเติมได้ทันที นอกจากนี้ยังให้ประสานกับสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อติดต่ออัยการสูงสุดให้มาเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ที่ระบุว่า ถ้าความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยได้กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย ให้อัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือจะมอบหมาย ให้พนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนคนใดเป็นผู้รับผิดชอบทำการสอบสวนแทนก็ได้ เนื่องจากแนวทางการสอบสวนพบว่าคดีนี้เกี่ยวพันกับการก่อเหตุนอกราชอาณาจักรด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีการวิเคราะห์ว่า จุดมุ่งหมายของการระเบิดในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เกิดความเสียหาย ส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ และที่สำคัฐคือผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยเฉพาะจุดที่เลือกวางระเบิดหลายจุดเป็นย่านเศรษฐกิจ ที่สำคัญเป็นช่วงที่มีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพ ทั้งความเชื่อมั่นเพิ่งฟื้นกลับมาหลังมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน
อีกทั้งปฏิบัติการอย่างมีแบบแผนนี้ ทำเป็นขบวนการ ที่สันนิษฐานว่า “ผู้บงการ” หรือ “มาสเตอร์มายด์”อาจเป็นผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขยายพื้นที่ขึ้นมาก่อเหตุเพื่อประกาศว่ามีตัวตน หรือการสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมือง ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา
กระนั้น ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับว่า 10 ปีที่ผ่านมา เสียท่าในเรื่องการข่าว ไม่มีแหล่งข่าวในพื้นที่ และฝากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามทำงานด้านการข่าวให้ใกล้ชิด ข่าวสารในจัง หวัดต้องทันสมัย
ขณะที่พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ออกมาให้ความเห็นก่อนหน้านี้ว่าเป็นกลุ่มเดิม ก็คือกลุ่มเดิมที่เป็นมาสเตอร์มายด์หรือผู้อยู่เบื้องหลังนั้น มีความคิดที่จะก่อเหตุในทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการทำระเบิด หรือการทำข่าวปลอม ก็ถือเป็นการบ่อนทำลายประเทศอีกแบบหนึ่งเหมือนกัน
ดังนั้น ผลการสอบสวนคดีระเบิดรอบนี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง และถูกจับตาจากไม่เพียงเฉพาะในประเทศ หากยังเป็นต่างประเทศด้วยว่าจะออกมาอย่างไร รวมทั้งจะสามารถขยายผลไปถึงตัว “มาสเตอร์มายด์”ได้หรือไม่
และไม่ว่าผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไร จะออกมาในแนวทางที่เกี่ยวข้องกับความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ หรือการเมือง ก็ล้วนแต่เป็นการบ้านที่รัฐบาลจะต้องนำไปทบทวนและปรับยุทธศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาทั้งสิ้น