มีความชัดเจนโดยไม่ต้องคาดการณ์กันมาตั้งแต่แรกแล้วว่า หาก "พรรคฝ่ายค้าน" หวังว่าจะได้ "ถล่ม" ผู้นำรัฐบาลที่ชื่อ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลางเวทีสภาผู้แทนราษฎร เห็นทีจะเป็นไปได้ยาก ! เพราะพล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีว่าการลงเล่นในสนามไม่เชี่ยวชาญ หรือเสียเวลาไปกับการสู้รบตบมือกับ "ฝ่ายตรงข้าม" ด้วยการเปิดวิวาทะกันในสภาฯผ่านการตอบกระทู้สด หวังจะได้เห็นส.ส.ฝ่ายค้านลุกขึ้นยืนอภิปราย โจมตีหัวหน้ารัฐบาล ด้วยความดุเดือด ต้องบอกว่า โอกาสดูจะริบหรี่เต็มที เมื่อ พรรคฝ่ายค้านประกาศจองกฐิน จะตั้งกระทู้สด2 เรื่องใหญ่ ทั้งปมประเด็นที่ว่าด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณตน ว่าเข้าข่ายกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกรณีเกิดเหตุระเบิดป่วนกรุง แต่พล.อ.ประยุทธ์ บอกเลยว่า คงไม่ได้เข้าสภาฯ เพื่อไปตอบกระทู้สดของฝ่ายค้าน เนื่องจากวันที่ 7 ส.ค.นี้มีภารกิจที่จะต้องเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ที่จ.ยะลา เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการสำคัญของรัฐบาล " ในวันที่ 7ส.ค.นี้ ผมคงไปไม่ได้ เพราะจะเดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการที่ภาคใต้ คงรอไปก่อน เพราะเรื่องบางเรื่องต้องฟังเหตุฟังผลกันบ้าง ถ้าเอาทุกอย่างมาผูกกันหมดก็จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ ขอให้ไว้ใจผม เชื่อว่าผมทำได้ และต้องทำให้ได้" (6 ส.ค.2562) พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบคำถามสื่อเมื่อถูกซักว่าจะไปชี้แจงกระทู้สดของฝ่ายค้านด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งมีความชัดเจนว่า บิ๊กตู่เลือกที่จะลงพื้นที่ ไปพบปะและรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนในจังหวัดยะลา ซึ่งถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรก ภายหลังจากที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ไปเรียบร้อยแล้ว หมายความว่าเกมที่พรรคฝ่ายค้านวางคิวกันเอาไว้ เตรียมให้ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส" ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เป็นผู้ตั้งกระทู้ถามพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยหวังว่าจะได้เห็น "มวยคู่ใหญ่" ปะทะกันผ่านสภาฯ อีกครั้ง ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ เลือกการเดินสายลงพื้นที่ ไปหาคะแนนเสียง หาความนิยมจากประชาชนแทนการเปิดวิวาทะในสภาฯ แล้วยังพบว่า จากนี้ไปทั้งฝ่ายรัฐบาลและตัวพล.อ.ประยุทธ์ ยังจะเป็นฝ่าย "กำหนดเกม" การเล่น ยึดพื้นที่คืนจาก "7พรรคฝ่ายค้าน" อีกด้วย แม้พรรคอนาคตใหม่ จะทำหน้าที่เป็นหัวหอกเปิดเกมบุก เรียกร้องกดดันรัฐบาลด้วยการเดินสายให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามจังหวัดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ หยิบยกมา "หักล้าง" พรรคอนาคตใหม่ คือการตั้งคำถามกลับว่า ระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กับการแก้ปัญหาปากท้อง อะไรสำคัญมากกว่ากัน ปฏิบัติการเดินหน้าเพื่อทำผลงานของรัฐบาล และพล.อ.ประยุทธ์ ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลเอง จำเป็นที่จะต้องทำงานแข่งกันเวลา โดยเฉพาะการไล่ล่า จากพรรคฝ่ายค้านที่พยายามใช้รูปแบบการโจมตีด้วยการปลุกประชาชนตามจังหวัดต่างๆ ด้วยประเด็นที่ว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากที่สุดแล้ว รัฐบาล และพรรคร่วม เลือกที่จะเล่นในเกม ในสนามที่ตัวเองมีความได้เปรียบ คือเกมในฝ่ายบริหาร เร่งสร้างผลงาน โดยเฉพาะการคลี่คลายปัญหาปากท้องให้กับประชาชนได้ไวมากเท่าใด โอกาสที่จะพรรคฝ่ายค้าน ยังจะต้องเดินตามอีกหลายก้าว ยิ่งเป็นไปได้มากเท่านั้น!