แสงไทย เค้าภูไทย
การสำรวจความเห็นของประชาชนในเรื่องคอรัปชั่นยังข้ามไปหลายเรื่อง หลายประเด็น โดยเฉพาะพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน ลัทธิบริโภคนิยม การสร้างรายได้ ทัศนคติ คตินิยม และความเชื่อในด้านต่างๆ มายาคติในการดำเนินชีวิต วัฒนธรรมชาติ จนถึงวัฒนธรรมถิ่น ระบบอุปถัมภ์ ศักดินาจำแลงและฐานันดรศักดิ์แฝงเร้นในสังคมไทยสภาพแวดล้อม ฯลฯ
สวนดุสิตโพลได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมที่สร้างความหนักใจให้กับประชาชนเรื่อง “ 5 ปัญหาหนักอกคนไทย ณ วันนี้” ช่วงการสำรวจ 30 ม.ค.-3 ก.พ.60
พบว่าปัญหาที่หนักอกคนไทยที่สุดอันดับ 1 คือการทุจริตคอรัปชั่น 84.69%
อันดับ 2 คือความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน(โจรผู้ร้ายชุกชุม)74.00%
อันดับ 3 ความเป็นอยู่ที่ยากจน มีหนี้สิน 71.05%
อันดับ4 ความแตกแยก ขัดแย้งของผู้คน 68.18
อันดับ5 การเมือง 64.99%
ปัญหาที่ทำให้คนไทยหนักอกหนักใจทั้งห้านี้ หากติดตามข่าวที่ออกมาจากภาครัฐเป็นประจำ จะพบว่า
ล้วนเป็นประเด็นที่รัฐบาลหยิบยกขึ้นมาแก้ไข ทั้งในระดับนโยบายและในแผนยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีการสร้างกระแสข่าวต่อเนื่อง
ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ รู้สึกว่าตัวเองควรจะมีส่วนร่วม
เมื่อได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถามโพล ประเด็นทั้ง 5 นี้ จึงมีลักษณะเป็นคำถามนำ ผู้ตอบเลือกเอามาตอบมากกว่าปัญหาอื่นๆ
สำหรับปัญหาที่ประชาชนเลือกเป็นเรื่องหนักอกที่สุดคือการคอรัปชั่นนั้น แรงกระตุ้นมาจากกระแสข่าวสินบนโรลสรอยซ์ มากที่สุด
ตามด้วยการจัดอันดับขององค์กรความโปรงใสโลก(CP)ที่อันดับคอรัปชั่นของไทยปีที่ผ่านมา ตกจากอันดับ 78 ลงไปเป็น 101
แต่ถ้าสาวคดีท้าวไซซะนะเจ้าพ่อยาเสพติดคนใหม่ไปกระทบถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมืองคนไทยเมื่อใด ข่าวสองอันดับนำนี้ จะมีอันตกอันดับทันที
โพลถามถึงขบวนการแก้ปัญหา ก็ได้คำตอบที่เคยมีคนถามและมีคนตอบในลักษณะเดียวกันมาก่อนแล้ว ต่างกรรม ต่างวาระ
เพราะปัญหาคอรัปชั่นเป็นปัญหาโลกแตก เป็นกันทั้งโลก ขึ้นอยู่กับว่าประเทศไหนจะมากหรือน้อย ตามอันดับที่CPI จัดไว้
พฤติกรรมหรือกิจกรรมคอรัปชั่นนั้น ตัวก่อเกิดมาจากแรงจูงใจหรือล่อใจ (temptation) กับแรงขับดัน(drives) เสียเป็นส่วนใหญ่
แรงจูงใจนั้น มีสารพัด ตั้งแต่ความอยากได้ อยากมี อยากเหมือน(คนที่เขารวย ) ลัทธิบริโภคนิยมที่แข่งกันบริโภค
สองในปัจจัยสี่( needs)ทางสังคมวิทยาคือการยอมรับในสังคม (social approval) และความมั่นคงในชีวิต (Social security) อันได้แก่ที่อยู่อาศัย อาหาร เครื่องนุ่งห่มและยารักษาโรค
การเป็นที่ยอมรับในสังคมเป็นแรงขับดันให้มนุษย์อยากได้ อยากดี อยากเด่นให้เป็นที่ยอมรับของสังคม มีการเลียนแบบการใช้ชีวิต การกินอยู่ การใช้สอย การแต่งกายของชนชั้นเหนือกว่าตน
สิ่งแวดล้อมทางสังคม วัฒนธรรม คตินิยม สมัยนิยม จารีตนิยม ฯลฯก็เป็นแรงขับดันทางหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีแรงขับดันที่มีลักษณะกดดันเฉพาะตัวเช่นภาระหนี้สิน รายรับไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ภาษีสังคมต่างๆ
และยังมีแรงขับดันและกดดันที่มาจากผู้มีอำนาจบารมี ผู้มีอิทธิพลทั้งภายในหน่วยงานหรือในท้องที่ ในท้องถิ่นและจากภายนอก
อย่างกรณีตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาสั่งให้ลูกน้องรีดไถผู้ประกอบการในพื้นที่เพื่อนำเงินส่งส่วยนายระดับสูงๆขึ้นไปเป็นต้น
สภาพแวดล้อมทางสังคมก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่เป็นแรงจูงใจให้มีการคอรัปชั่น อย่างเช่นหน่วยงานที่มีผลประโยชน์มาก มีคนอยากเข้าไปทำงาน ไปเป็นลูกจ้าง เป็นข้าราชการ มาก
ทำให้มีการแย่งชิง แข่งขัน แก่งแย่ง โดยใช้สินบนเป็นเครื่องมือในการแย่งชิง
แม้แต่เจ้าที่ขนขยะก็ยังมีการคอร์รัปชันกันในลักษณะนี้
คนเก็บขยะนั้น ทั้งๆที่เงินเดือนถูก แต่บางพื้นที่ต้องจัดคิวกันขึ้นรถเก็บขยะ เพราะมีพนักงานล้น
การที่พนักงานซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราวเสียเป็นส่วนใหญ่ มีจำนวนมากก็เพราะ ตัวขยะเป็นสินค้าที่ทำรายได้ให้มากกว่าเงินเดือน 2-3 เท่าตัว
ยกตัวอย่างเงินเดือน 6,000.00 บาท แต่เมื่อคัดแยกขยะออกมา จะได้ขวด เศษโลหะ กระดาษ ของใช้แล้วแต่สภาพดีพอจะปล่อยเป็นสินค้ามือสองตามตลาดนัดได้ ฯลฯ
ขายวันละเป็นหมื่น เมื่อแบ่งกันแล้วได้คนละ 800-1,000 บาทโดยเฉลี่ย
พนักงานบางคนถึงกับติดสินบนผู้มีอำนาจในการจัดคิว เพื่อให้ได้คิวขึ้นรถขยะถี่ขึ้น
ค่าเก็บขยะที่รัฐบาลบอกว่าจะให้เก็บบ้านละ 120 บาทต่อเดือนจึงน่าจะไม่ใช่ความจำเป็นหรือเงื่อนไขในการบริการเก็บขยะของลูกจ้างกลุ่มนี้
ยังมีปัญหาที่แก้กันไม่ตกอีกด้านคือ การคอรัปชั่นอันเกิดจากระบบอุปถัมภ์
มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ จนถึงวันนี้
ระบบอุปถัมภ์ที่มีรากเหง้ามาจากคำอวยพร “โตขึ้นขอให้เป็นจ้าวคนนายคน”
“นาย” คือผู้อุปถัมภ์สำคัญที่สุดในระบบราชการ
การคอรัปชั่นอันเกิดจากระบบอุปถัมภ์ที่เห็นได้ชัดก็คือในวงการการตำรวจ ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนในสังคมในขณะนี้
จนมีคำถามว่า มีตำรวจไว้ทำไม ?
คงจะเบื่อคำถามว่า ทำไมถึงมีการคอรัปชั่นในวงการตำรวจแล้ว
ถ้าชาวบ้านตอบก็จะตอบว่า เอาไว้จับผู้ร้าย แทนคำว่ารักษากฎหมาย
แต่ถ้าพวกสิบล้อ พวกพ่อค้าแม่ค้าคลองถมก็ตอบว่า เอาไว้เก็บส่วยส่งนาย
เป็นการอุปถัมภ์แบบต่างตอบแทน นายอุปถัมภ์ด้วยการให้ยศให้ตำแหน่ง ให้ขั้น
ลูกน้องอุปถัมภ์ด้วยการส่งส่วย(ตัวเองได้ส่วนแบ่งด้วย)
ทำไมภาพลักษณ์ตำรวจไทยเป็นเช่นนี้ ทั้งๆที่ความดีมีมากกว่าความไม่ดีมากมายนัก ?
คงต้องไปตีความในโคลงครึ่งบทนี้
ความดีหนาหนักแม้น พสุธา
ความชั่วเท่าเม็ดงา กลบได้