“ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุชัดเจนถึงระเบียบวาระการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาชัดเจนแล้วว่าจะมีขึ้นใน 25 - 26 ก.ค.นี้ และหากการอภิปรายยังไม่แล้วเสร็จ ก็สามารถอภิปรายต่อได้ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ แต่ขอเอาไว้เลยว่า อย่าทำให้สภาฯเป็นเหมือน “เด็กเล่น” ! ทว่าเสียงปราม ในเบื้องแรกของ ประธานสภาฯ คงไม่ทำให้ “เป้าหมาย” ของ “พรรคฝ่ายค้าน” โดยเฉพาะ “พรรคเพื่อไทย”และ “พรรคอนาคตใหม่” ในฐานะ “หัวหอกสำคัญ” จะใช้โอกาสนี้ แปรเปลี่ยน “เวทีรัฐสภา” ให้กลายเป็น “สนามรบ” นักวิเคราะห์การเมือง จากหลาลพรรค ประเมินว่า ในการแถลงนโยบายของ “รัฐบาลใหม่” นั้นฝ่ายรัฐบาลก็หวังที่จะใช้เวทีรัฐสภาเพื่อ “หาเสียง” ด้วยการนำเสนอนโยบาย ให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้ รับทราบว่า ครม. “ประยุทธ์2/1” จะทำอะไรให้กับประชาชนบ้าง แต่สำหรับ “ฝ่ายค้าน”เองย่อมไม่เพียงแต่จะ “ชำแหละ” นโยบายแต่ละข้อ แต่ละด้านของรัฐบาลว่าเรื่องไหน ทำได้จริงหรืออะไรคือการ “ขายฝัน”เท่านั้น หากแต่จะฉวยจังหวะนี้ปรับโหมด ไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจฉบับย่อยๆ การประกาศจองกฐิน วางคิวซักฟอก “คุณสมบัติ” ของหัวหน้ารัฐบาลไปจนถึง “รัฐมนตรีช่วยฯ” ของพรรคฝ่ายค้าน คือการเปิดโพยข้อสอบเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่กระนั้น งานนี้ แน่นอนว่าทั้ง “พรรคพลังประชารัฐ”และ “250สว.” จะต้อง ทำงานหนัก เพื่อปกป้องกล่องดวงใจของรัฐบาล คือตัว “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในทุกประตู ! ประเด็นที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ที่จะถูกหยิบยกไปใช้ในการ “ถล่ม”รัฐบาล นั่นคือปัญหาการแบ่งงานภายในกระทรวงต่างๆ ว่าบัดนี้ได้เกิด “รอยร้าว” เมื่อรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ใช้วิธี “กินรวบ” กินคำใหญ่ไม่ยอมแบ่งเพื่อนร่วมรัฐบาล ด้วยการเลือกงานใหญ่ ที่มีเม็ดเงินงบประมาณสูง ไปครองเอาไว้ฝ่ายเดียว ขณะที่ปัญหาที่ว่าด้วยคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่อยู่ใน “ลิสต์” ที่ฝ่ายค้านจะต้องเกาะติด คือการพุ่งเป้าไปยัง “อุตตม สาวนายน” รมว.คลัง และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งแม้พรรคพลังประชารัฐจะจัด “ทีมองครักษ์” ขึ้นมาคุ้มกัน แต่ก็อาจจะกลายเป็น “งานยาก” อยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ดี ปฏิบัติการเปิดศึกในรัฐสภา ระหว่างวันแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น พรรคฝ่ายค้านทั้งพรรคเพื่อไทยและอนาคตใหม่อาจต้องเผชิญกับ “กลุ่มสว.” ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นด่านสำคัญ ลุกขึ้นปกป้องพล.อ.ประยุทธ์ อย่างไม่ต้องสงสัย ว่ากันว่าการประชุมรัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลใหม่ ได้แถลงนโยบาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค.นั้น บรรยากาศและสถานการณ์อาจจะออกมาทั้งในแนวดุเดือด เพราะ “เพื่อไทย-อนาคตใหม่” ไร้ขุนพลหลักๆ เพราะสอบตกไม่ได้เข้าไปในนั่งสภาฯ แล้ว ยังรับมือกับ สว.ที่ได้รับการสรรหาจาก “คสช.” จึงจำเป็นต้องแสดงบทบาท ให้เข้มข้น ส่วน “ศึกใน” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่ยืดเยื้อและ “กินใจ”กันมาตั้งแต่การจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรี มาถึงการแบ่งงานในแต่ละกระทรวงนั้น คงต้อง “พักรบ” กันเอาไว้ชั่วคราว หากใครจะคิด “ออกฤทธิ์” กันตั้งแต่ต้นมือ แว่วว่า บิ๊กตู่ เตรียม “แผนสำรอง” เอาไว้ตลบหลัง กำราบความวุ่นวายจากพรรคร่วมรัฐบาลเอาไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะการหาทางหนี ทีไล่เพื่อแก้เกม “เสียงปริ่มน้ำ” ! !