จังหวะเรียกแขก มาร่วมวงกัน "เขย่า" ผู้นำรัฐบาล อย่าง "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในวาระการแถลงนโยบายรัฐบาลที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า ดูจะกลายเป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ปลุกเร้าความคึกคักก่อนถึงวันจริง จนเหมือนกับว่านี่คือการ "อภิปรายไม่ไว้วางใจ"
ฝ่ายค้านตั้งแง่ขอใช้เวลา 3 วัน 20 ชั่วโมงในการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยจะขอเริ่มกันตั้งแต่วันที่24-24-26 ก.ค. โดยให้เหตุผลว่ามีประเด็นที่ต้องอภิปรายทั้งนโยบายรัฐบาลไปจนถึง "คุณสมบัติ" ของตัวบุคคลทั้งตัว "นายกฯ" ไปจนถึง "รัฐมนตรี" ที่ได้กางโพยจองกฐิน กันไปแล้วล่วงหน้า
การตระเตรียมใช้เวทีรัฐสภาเพื่อเปิดฉากถล่มรัฐบาล ผ่านวาระการแถลงนโยบายนั้น แน่นอนจะต้อง "พ่วง" ประเด็นทางการเมืองเข้าไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งนี้ในส่วนของ "7 พรรคฝ่ายค้าน" เตรียมปิดห้องติวเข้มส.ส.ที่จะลุกขึ้นทำหน้าที่อภิปรายในที่ประชุม
ด้วยการเฟ้น "มือดี" ระดับปรมาจารย์ มาทำหน้าที่เป็น "ติวเตอร์" ให้กับส.ส.ของพรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ โดยหวังว่า การประชุมรัฐสภาเพื่อให้รัฐบาลได้แถลงนโยบายครั้งนี้ ฝ่ายค้านน่าจะ "ฝากรอยแผล" เอาไว้ให้กับครม.ใหม่ โดยที่ไม่ต้องรอให้ทำผลงานกันแต่อย่างใด
ล่าสุดยิ่ง "ชวน หลีกภัย" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาส่งสัญญาณแล้วว่าอาจจะให้มีการอภิปรายได้ถึง3 วัน รวมทั้งยังเปิดช่องให้ฝ่ายค้านสามารถอภิปราย "คุณสมบัติ" ของรัฐมนตรีได้อีกต่างหาก
" ระเบียบข้อบังคับการประชุมรัฐสภาจะกำหนดไว้ว่าการอภิปรายในเรื่องของความเป็นไปได้ของนโยบาย หรือการที่นโยบายจะประสบความสำเร็จ ซึ่งเขาก็มีสิทธิ์อภิปรายความสามารถของบุคคลนั้นๆได้" (18 ก.ค.2562)
งานนี้ ฝ่ายค้านเมื่อได้ยินได้ฟังแล้วคงพึงพอใจมิใช่น้อย เพราะเท่ากับว่า "ประธานสภาฯ" ที่ชื่อชวน ได้ชี้ช่องบอกเป็นนัยแล้วว่า การอภิปรายเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีนั้นทำได้ ทั้งที่เป็นประเด็นที่ พรรคฝ่ายรัฐบาลวิตกกันมาตลอด
เพราะการอภิปรายคุณสมบัตินั้นคือช่องทางนำไปสู่การเปิดแผลเพื่อโจมตีในทางการเมือง ตั้งแต่หัวขบวนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไปจนถึง รัฐมนตรีอีกหลายต่อหลายคน จนนโยบายรัฐบาลที่เตรียมชี้แจงรัฐสภาอาจกลายเป็นเรื่องรอง
อย่างไรก็ดี แม้จะมีสัญญาณไฟเขียวจากประธานสภาฯทั้งเรื่องจำนวนวันที่มีแนวโน้มขยายได้ถึง3วัน อีกทั้งยังเปิดช่องให้อภิปรายคุณสมบัติรัฐมนตรีนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดจน "บิ๊กทหาร" ที่อยู่ในครม. จะถูกดึงลงมาชำแหละกันกลางสภาฯ ดังที่ฝ่ายค้านคาดหวัง
เพราะพลังประชารัฐเอง ต้องวางแผน วางเกมการเล่นเพื่อรับมือ และ "รุกกลับ" อย่างไม่ต้องสงสัย !
อย่าลืมว่า "จุดอ่อน" ที่ฝ่ายค้านมองเห็นในครม.ชุดใหม่ พรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลเองที่ต้องวางขุนพลเพื่อปกป้องรัฐมนตรีในโควต้าของพรรค ก็ต้องทำการบ้านหนักด้วยเช่นกัน
งานนี้ศึกซักฟอกกลางสภา อาจจะดุเดือดและเข้มข้น ไปตลอดการประชุมแถลงนโยบาย หรือในทางกลับกัน ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กๆในครม. ก็อาจจะได้ใช้โอกาสนี้ศึกษาดูงาน ก่อนถึงวาระการอภอปรายไม่ไว้วางใจมาถึงจริงๆ !