ดร. วิชัย พยัคฆโส [email protected] วาระแห่งชาติในการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทั้งภาครัฐและเอกชนต่างผนึกกำลังรณรงค์ต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบของนักการเมืองและหน่วยงานของรัฐ ส่งผลให้ Transparency Ranking ในระดับโลกของไทยขยับอันดับไปอยู่ในอันดับ 76 แต่ปี 59 กลับรูดไปอยู่อันดับ 101 หลังฟิลิปปินส์อีก การเอาจริงเอาจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่นต่างผนึกกำลังด้วยแรงหนุนของรัฐบาลที่ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจอิทธิพลทั้งหลายส่งผลให้คดีฉ้อฉลของนักการเมืองในรัฐบาล ชุดก่อนอยู่ในระหว่างดำเนินคดีอยู่ และนายกรัฐมนตรีหัวหน้าคณะ คสช. ได้ใช้ ม.44 กับข้าราชการทุกระดับและทุกหน่วยงานพ้นหน้าที่เป็นทิวแถว เพื่อให้การตรวจสอบดำเนินไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ด้วยผลงานดังกล่าวจึงทำให้อันดับความน่าเชื่อถือด้านความโปร่งใสของไทยขยับตัวดีขึ้น เป็นลำดับ รวมถึงรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้กำหนดโทษที่รุนแรงของนักการเมืองต้องคดีทุจริตซึ่งเป็นเรื่องที่โต้แย้งความเหมาะสมกันอยู่ในแวดวงนักการเมือง จู่ๆ ข่าวการให้สินบนแก่การจัดหาเครื่องยนต์เครื่องบินของการบินไทยและปตท. รวมถึงการจัดซื้อสายไฟฟ้าของหน่วยงานการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เปิดประเด็นในระดับโลกจนเป็นประเด็นใหญ่ที่มีการติดตามจากสื่อมวลชนและประชาชน รวมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ตรวจสอบและ การใช้กฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นนิ่งเฉยไม่ได้ เพราะเป็นภาพพจน์ของประเทศไทยในระดับโลกที่มีการใช้งบประมาณของรัฐจัดซื้อจัดหาเป็นประโยชน์ส่วนตนจากสินบนที่ผู้จำหน่ายเปิดเผยออกมา ประเด็นที่น่าสนใจเอามากๆ คือสินบนได้ก้าวล่วงมาถึงรัฐบาลจากมติ ครม. ในยุคในสมัยนั้นๆ ได้อย่างไร จึงเป็นประเด็นที่ผู้สื่อข่าวและประชาชนให้ความสนใจและต้องรับรู้โดยเฉพาะรัฐบาลจะดำเนินการกันต่อไปอย่างไร หากไม่สามารถกระชากหน้ากากของผู้รับสินบนรวมถึงผู้เกี่ยวข้องได้ จะเป็นมะเร็งร้ายที่เกาะกินประเทศไทยมานานแสนนานยากที่จะเยียวยาได้ แน่นอนที่สุดการจัดอันดับโลกของความโปร่งใสอาจจะถูกลดลงอีกหลายอันดับก็ได้และเป็นจุดอ่อนของการค้าระดับโลกในระดับรัฐบาลที่สร้างความอัปยศอดสูมาสู่ประเทศไทย ทั้งๆที่รัฐบาลชุดนี้ตั้งปณิธานแน่วแน่ในการล้างทุจรติคอรัปชั่นให้หมดสิ้นไป อันดับของไทยที่อยู่หลังฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย จะได้ขยับชนะเขาบ้าง อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนว่า ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งหน่วยงานของรัฐและเจ้าของเรื่องจะต้องค้นหาหลักฐานตอบโจทย์ระดับโลกนี้ให้แก่ประชาชนและสังคมโลกได้รับรู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จริงจังกับการขจัดทุจริตคอรัปชั่นตามเจตนารมณ์ให้ปรากฏ ในขณะที่รัฐบาล คสช. ยึดมั่นในอุดมการณ์และส่งสัญญาณเช่นนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยคงทุ่มเทกับภารกิจค้นหาความจริงให้ปรากฏ โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลทางการเมือง น่าจะเกิดผลให้เห็นเร็ววันนี้ ขอเอาใจช่วยสนับสนุนวาระแห่งชาติประเด็นนี้เช่นเดียวกับรัฐบาล คสช. เพื่อกู้หน้าและภาพลักษณ์ของประเทศไทย 4.0 ให้ปรากฏ