ทองแถม นาถจำนง “ ระบอบประชาธิปไตยมีผลดีทางด้านความจงรักภักดีของประชาชนชาวไทยที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์เป็นอย่างสูง ท่านผู้ใดที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของไทยคงจะยืนยันกับผมได้ในข้อนี้ว่า ความจงรักภักดีของชาวไทยที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันนั้น เรียกได้ว่าแน่นแฟ้นเป็นอย่างแข็งแรงมากกว่าที่เราเคยรู้จักกันมาในสมัยใด ๆ แสดงให้เห็นว่าระบอบประชาธิปไตยนั้น ไม่เป็นภัยต่อความจงรักภักดีของประชาชนที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ และยิ่งกว่านั้น ถ้าหากเราจะศึกษาและสนใจในการปฏิบัติพระราชกรณียะกิจต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยแล้ว เราก็จะเห็นได้อย่างประจักษ์ชัดว่า สถาบันพระมหากษัตริย์นั้นมิได้เป็นภัยต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยเลย ตรงกันข้าม เป็นสถาบันที่ส่งเสริมประชาธิปไตยและเป็นสถาบันทางการเมือง เป็นสิ่งที่ประกันระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทยเราอีกด้วย เหล่านี้ก็ทำให้เห็นได้ชัดว่า ระบอบประชาธิปไตยนั้นไม่มีภัยอันตรายต่อองค์พระประมุขของชาติซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของประชาชนทั่วประเทศ ทางด้านอื่น ๆ ผมก็เห็นไปว่าระบอบประชาธิปไตยที่เราได้รับกันมาเป็นเวลา 30 ปีนั้น ได้นำความดีความเจริญมาสู่บ้านเมืองเราอย่างมากมาย ( “คึกฤทธิ์ ปราโมช” รายการ “เพื่อนนอน” วันที่ 10 ธันวาคม 2507) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นนักประชาธิปไตยแท้จริง “......พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงระมัดระวังพระองค์เป็นอย่างยิ่งในพระราชกรณียะกิจต่าง ๆ ที่อาจไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะเมื่อถึงคราวที่จะใช้อำนาจใด ๆ โดยไม่มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่เต็มพระราชหฤทัยที่จะปฏิบัติพระราชกรณียะกิจเหล่านั้น และทรงพระราชวิตกในข้อที่ว่าอาจผิดระบอบประชาธิปไตยได้ทุกครั้งไป แต่เหตุการณ์บ้านเมืองบางครั้ง ก็บังคับให้ต้องทรงใช้พระราชอำนาจในฐานะเป็นประมุขของประเทศ อย่างเช่น กรณีหลังวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ 2516 เป็นต้น ในตอนนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองบังคับให้ทรงต้องทำอย่างนั้น หากไม่ทรงทำอย่างนั้น ภัยพิบัติก็อาจเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองโดยไม่มีใครคาดคะเนถึงได้ จึงต้องทรงปฏิบัติไปตามนั้น โดยที่ไม่มีความเต็มพระราชหฤทัยที่จะทรงปฏิบัติตามนั้นเลย ในที่นี้ ก็น่าจะรำลึกถึงพระเดชพระคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไว้ว่า ในกระบวนบุคคลต่าง ๆ ในระบอบประชาธิปไตยของบ้านเมืองเรานี้ ผมยังไม่เห็นผู้ใดเลยที่เป็นประชาธิปไตยบริสุทธิ์อย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ทรงรอบรู้ในระบอบประชาธิปไตยและความหมายของระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นอย่างดี ทรงเว้นสิ่งที่ควร เพราะเหตุว่าอาจกระเทือนระบอบประชาธิปไตย และทรงกระทำสิ่งที่ควรกระทำ เพื่อส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยอยู่เป็นนิจ ควรที่ท่านที่รักระบอบประชาธิปไตยและมีความเห็นว่า บ้านเมืองควรเป็นระบอบประชาธิปไตยนั้น จะได้รับรู้ไว้ด้วยว่า นักประชาธิปไตยชั้นยอดยิ่งของเราทุกวันนี้ ก็คือองค์พระประมุขของประเทศ จะหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้อีกแล้ว” (“พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นนักประชาธิปไตยบริสุทธิ์” - “ซอยสวนพลู” สยามรัฐ 20 มกราคม 2537)