ในภาวะที่ประเทศไทยยังไม่มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางบรรยากาศความขัดแย้ง แตกแยกทางความคิดที่เรียกได้ว่า แตะเรื่องใดก็สามารถจับขั้วแบ่งฝ่ายทะเลาะกันได้ทุกเรื่องบนโลกโซเชียล ท่ามกลางข่าวลือต่างๆนานา ในเรื่องอัปมงคลทั้งหลาย สัญญาณอีกประการ ที่ไม่น่าจะสู้ดีนัก เมื่อแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล เข้ามาร่วมวงศ์ไพบูลย์กับการเมืองบ้านเราด้วย โดยล่าสุด แอมเนสตี้ออกแถลงการณ์ ชวนชาวโลกร่วมส่งจดหมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตร และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมต้าน คสช.รวม 17 คน เมื่อ 24 มิ.ย.58 เนื่องจากทั้งหมดใช้เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบ โดยแถลงการณ์ของแอมเนสตี้ฯ ระบุว่า ทั้ง 17 คน ประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) อดีตนิสิต-นักศึกษากลุ่มดาวดิน แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ และอดีตประธานสหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี (PerMAS) ถูกแจ้งข้อหายุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และข้อหามั่วสุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง มาตรา 215 "การชุมนุมของพวกเขาเกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลทหารมีคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองของบุคคล 5 คนหรือมากกว่านั้น การดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้หลังผ่านเหตุการณ์ชุมนุมมาเกือบ 4 ปี ดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่มีแรงจูงใจทางการเมืองเพื่อปิดปากฝ่ายที่รัฐบาลเห็นว่าอยู่ฝั่งตรงข้าม และต้องการสร้างบรรยากาศให้เกิดความหวาดกลัวในการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมอย่างสงบในประเทศไทย" ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า แม้รัฐบาลไทยจะยกเลิกคำสั่งที่จำกัดสิทธิอย่างรุนแรงต่อสิทธิมนุษยชนหลายประการ แต่ทางการยังคงใช้วิธีคุกคามด้วยกระบวนการยุติธรรมข่มขู่ผู้วิจารณ์และฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และเอาผิดทางอาญากับการใช้สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก จึงเชิญชวนผู้สนใจประเด็นสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เขียนจดหมายเรียกร้องถึงทางการไทยให้ยกเลิกการดำเนินคดีโดยทันทีและอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีของประเทศไทยที่มีต่อกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ. การเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการกดดันมายังพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังคงสวมหัวโขนเป็นหัวหน้าคสช.อยู่ จนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นไปตามข่าวที่ออกมาระบุว่า คณะรัฐมนตรีจะมีกาตแต่งตั้งในเดือนกรกฏคม ระหว่างนี้ การเคลื่อนไหวของ แอมเนสตี้ จึงเป็นดั่ง "หอกทิ่มแทง" พล.อ.ประยุทธ์ไปจนกว่าจะพ้นสภาพหัวหน้าคสช. ขณะที่สัญญาณโลกล้อมไทยเช่นนี้ ยังคงต้องจับตาอยู่เป็นระยะ ด้วยคดีความของนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ยังต้องเผชิญอยู่ ในคดีถือหุ้นสื่อ และคดีที่นายธนาธรให้พรรคอนาคตใหม่ยืมเงินร้อยกว่าล้านบาท นอกจากนี้ยังมีกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ ก.ก.ต.รับคำร้องให้ตรวจสอบเรื่องรายชื่อส.ส.ที่เป็น "งูเห่า" ว่าถูกซื้อตัวด้วยตัวเลข 30-120 ล้านบาทนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ต้องเปิดเผยที่มา หากเป็นเรื่องเท็จจะส่งผลถึงขั้นยุบพรรค บริบทต่างๆที่เกิดขึ้นกับนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ น่าจะเคลื่อนไหวสัมพันธ์ไปกับการเคลื่อนไหวขององค์กรจากต่างประเทศนับจากนี้อย่างน่าจับตา