ข่าวล่ามาแรง แซงทุกทางโค้งว่า อีกไม่ช้า ไม่นาน "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะพลิกบทบาท มาโลดแล่นในฐานะ "นักการเมือง" อย่างเต็มตัว ด้วยเพราะ "พรรคพลังประชารัฐ" เตรียมจัดทัพ ปรับแผนการเล่นกันใหม่ทั้งหมด ตามไทม์ไลน์ที่พรรคได้วางเอาไว้จากนี้ เมื่อภายหลัง "ตั้งรัฐบาลใหม่" ได้เรียบร้อยแล้ว จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จากนั้นพรรคจะจัดใหัมีการประชุมใหญ่ในราวต้นเดือนก.ค.เพื่อพิจารณาวาระเปลี่ยนแปลงรายชื่อ "กรรรมการบริหารพรรค" นั่นคือ จะเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ นั่งตำแหน่ง "หัวหน้าพรรค" แทน "อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน นอกจากนี้ มีรายงานว่า "ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่1 จะก้าวขึ้นมาเป็น "เลขาธิการพรรค" แทน "สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรคคนปัจจุบัน แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยน "หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ" และ "แม่บ้านพรรค" ในครั้งนี้ กำลังสะท้อนให้เห็นถึงปรากฎการณ์ที่น่าสนใจและมีความสำคัญของพลังประชารัฐในฐานะ "พรรคแกนนำรัฐบาล"ว่าจะเข้าสู่โหมดของการเดินหน้าบนถนนสายการเมืองด้วยตัวเอง บนความมั่นใจว่า จาก "อดีตนายทหาร" มาสู่ "นักการเมือง" อย่างเต็มตัวเสียที ! การปรับโหมดของพรรคพลังประชารัฐในรูปการณ์เช่นนี้ ย่อมเป็นไปได้ทั้งในแง่ของการข่มขวัญฝ่ายตรงข้าม ว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล้าที่จะลงมาเล่นเกมนี้ด้วยตนเอง และสอง คือการประกาศความมั่นใจว่า จากนี้ไปพรรคพลังประชารัฐ จะมีความแข็งแกร่ง เหนือทุกพรรค เพราะเมื่องานนี้ใช้วิธีผลัก "ขุน" เดินหน้าออกมาเช่นนี้ ย่อมส่งสัญญาณเป็นนัยว่า ปัญหาต่างๆที่มีการร้องเรียน ไปยังพรรคประชารัฐ นั้นที่สุดแล้วอาจไม่มี "ข่าวร้าย" เกิดขึ้นแต่อย่างใด หนทางข้างหน้าสำหรับพล.อ.ประยุทธ์ นั้นยังอีกยาวไกล แม้ในทางหนึ่งจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่ารัฐบาล "ประยุทธ์ 2/1" จะมีอายุสั้น อยู่ไม่ยืดยาว เพราะจนถึงวันนี้ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้แต่อย่างใด แต่ต้องไม่ลืมว่า สำหรับคสช.และตัวพล.อ.ประยุทธ์ แล้วการกลับมาครั้งนี้ คือการตอกย้ำให้เห็นชัดว่า คสช.นั้นเดินตามธงที่ตั้งเอาไว้ทุกด้าน เพราะแม้ในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล เจรจาการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมรัฐบาลที่ดูเหมือนจะมีปัญหา หรือเหมือนกับว่าทั้งคสช.และพลังประชารัฐต้องอาศัยบริการจาก "กลุ่มการเมือง" ต่างๆภายในพรรคนั้น ทว่าในความเป็นจริงแล้ว คสช.เองได้วางหมาก จัด "มือทำงาน" ของตัวเองขึ้นมา คุมงานใหญ่ทั้งสิ้น ใช่ว่าจะอาศัยแต่กลุ่มการเมือง สารพัดก๊วนในพรรคพลังประชารัฐ แต่ฝ่ายเดียว เสียทีไหน ! ดังนั้นจึงเป็นที่มาของความโดดเด่น ของมือทำงานข้างกายคสช. ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า ส.ส.พะเยา แกนนำพรรค ไปจนถึงกลุ่มกทม.ของ ณัฏฐพล, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และสกลธี ภัทธิยกุล ที่ล้วนแล้วแต่มาจากกลุ่ม กปปส. และพรรคประชาธิปัตย์ ต่างก็ได้รับบำเหน็จ หลังการเลือกตั้งกันถ้วนหน้า แสดงให้เห็นว่ากว่าที่พรรคพลังประชารัฐและพล.อ.ประยุทธ์ จะเดินมาปักธงที่เส้นชัยในจุดแรก หลังการเลือกตั้ง ได้มีการตระเตรียมความพร้อม สะสมเครือข่ายทั้งและกองทุน เสบียงกรัง เอาไว้อย่างเต็มพิกัดมาแล้ว !