รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ถูกออกแบบมาให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรค และเตรียมทางออกฉุกเฉินไว้ไม่ให้เกิดเดดล็อกทางการเมือง แม้ผู้ร่างฯจะไม่คาดคิดว่าจะเกิดปรากฏการณ์พรรคอนาคตใหม่ และกระแสการต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ที่ทำให้การจับขั้วรัฐบาลเต็มไปด้วยความยุ่งยาก และการชิงไหวชิงพริบกันชนิดที่ต้องลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย อย่างไรก็ตาม มองข้ามช็อตไปสำหรับรัฐบาลใหม่ ที่แน่นอนว่า จะมีจำนวนส.ส.เกินกึ่งหนึ่งของสภาฯไม่มาก ด้วยตัวเลขที่น่าหวาดเสียว ทำให้เป็นรัฐบาลที่ขาดเสถียรภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ก็มองเห็นกันตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง ว่า การบริหารการเมืองภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่กลายเป็นตัวแปรมีอำนาจต่อรองค่อนข้างสูง ในการออกเสียงลงมติผ่านร่างกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการเงิน ที่รัฐบาลอาจจะถูกคว่ำเอาง่ายๆ แม้จะมีส.ส.ที่ต้องรอลุ้นชะตากรรมให้ผ่านคมดาบปมถือหุ้นสื่ออีกมากกว่า 20 รายชื่อ ที่อาจจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตัวเลขส.ส.ในขั้วใดขั้วหนึ่ง หรือที่สุดอาจไม่มีผลกระทบใดๆเลยก็ตาม แต่วิปรัฐบาลคงต้องทำงานอย่างหนัก ในการประสานไม่ให้มีส.ส.คนใดแตกแถว เรียกว่า ห้ามป่วย ห้ามขาด ห้ามลา เลยทีเดียว เพราะอาจจะถูกฝ่ายค้านใช้แทกติกขอนับองค์ประชุมกันบ่อยๆ ในขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจที่น่าเป็นห่วง ภาคการส่งออกที่ชะลอตัว ท่ามกลางความตึงเครียดของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับสาธารณประชาธิปไตยประชาชนจีนที่คุกรุ่น ล่าสุดสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ปรับคาดการณ์การส่งออกปี 2562 เหลือโต 1% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 3 % ทั้งการเมือง และเศรษฐกิจ กลายเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่รัฐบาลใหม่จะต้องรับมือ โดยเฉพาะตัวบุคคลที่จะมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ขับเคลื่อนงานด้านเศรษฐกิจ ในกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญๆ นั้นย่อมจะต้องเผชิญความท้าทายและการจับตาจังหวะก้าวต่างๆ ในการออกมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหา และส่งเสริมให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะแน่นอนว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะมีหลังพิงที่เข้มแข็งขนาดไหน หากเกิดปัญหา “ข้าวยากหมากแพง” กระทบต่อเงินในกระเป๋าของประชาชนเมื่อไหร่ ก็กระทบต่อศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชนจนไม่อาจอยู่ได้ และยิ่งเป็นรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำด้วยแล้ว ยิ่งต้องเร่งเข็นเศรษฐกิจให้พ้นปากเหว ในขณะที่การบ้านข้อสำคัญ จะต้องวางแผนป้องกันให้ดี สำหรับรัฐบาลชุดนี้ จะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ นั่นก็คือ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายเฝ้าจับตา ด้วยรัฐบาลชุดนี้มีบรรดานักการเมืองที่ล้วนแต่มากด้วยประสบการณ์และคร่ำหวอดทางการเมือง กลับมาลงสนาม อีกทั้งในห้วงของการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลก็มีศึกชิงเก้าอี้รัฐมนตรีกันอุตลุต ทำให้ถูกครหาเรื่องของการเข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ อีกทั้งการที่มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งไม่มาก ย่อมเสี่ยงที่จะถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ง่ายๆ ขณะเดียวกัน หากรัฐบาลชุดใหม่ลุกขึ้นมาเอาจริงเอาจังในการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังด้วยแล้ว ความศรัทธาและเชื่อมั่นของประชาชนจะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กค้ำยันรัฐบาลไม่ให้หวั่นไหวและสั่นคลอนเอง