ทีมข่าวคิดลึก
แรงหนุนให้มีการสร้าง "ถนนสายปรองดอง" กำลังมาจากทุกทิศ ทุกทางไม่ว่าจะเป็นกลุ่มการเมือง พรรคการเมืองหรือบรรดาเสื้อสีต่างๆ ที่ยอม "สงบศึก" กันเป็นการชั่วคราว โดยวาดหวังว่าจะโดดขึ้นรถไฟสายนี้ก่อนการเลือกตั้ง แม้จะมีบางรายอาจออกอาการ ไม่เอออออย่างเต็มที่ เพราะต้อง "สงวนท่าที" ก็ตามแต่สิ่งที่กำลังสะท้อนออกมาในยามนี้คือการตอบรับการปรองดองมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
เพราะต้องไม่ลืมว่า แท้จริงแล้วก่อนหน้าที่ตลอดระยะเวลานับ 10 ปีหลังเหตุการณ์ยึดอำนาจจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา ผ่านมาหลายยุค หลายรัฐบาล ต่างพยายามที่จะ"จุดพลุปรองดอง" ให้เกิดขึ้น
ทั้งผ่านการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษา และหาแนวทางสร้างการปรองดองสลายความขัดแย้ง กันมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง รวมทั้งยังมีรายงานที่จัดทำขึ้นโดยคณะทำงานชุดต่างๆ ตลอดจนสถาบันต่างๆ แต่ดูเหมือนว่าทั้งข้อเสนอ และรายงานหลายต่อหลายชุด กลับถูกพันเก็บไป ไม่มีการนำมาประกอบให้เกิด เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้แต่อย่างใด !
และเมื่อมาถึงวันนี้ เมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 ของการยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ได้ประกาศเดินหน้าสร้างความปรองดองในห้วงเวลาใกล้เคียงกับการประกาศย้ำถึงโรดแมปการเลือกตั้งครั้งใหม่ ว่าจะมีขึ้นเมื่อใด โดยให้ความชัดเจนว่า ในปี2561 จะมี "รัฐบาลใหม่" ที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
เวลานี้ แม้จะเหลือเวลาอีกไม่นานหากยึดตามกรอบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศเอาไว้ล่าสุด จะพบว่าภารกิจของคสช. และรัฐบาล ที่ต้องเดินหน้าควบคู่กันไปนั้นมีด้วยกันสองเรื่องใหญ่
เรื่องหนึ่งคือการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติ โดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งจำนวนทั้งสิ้น 11 ราย ต้องเดินหน้าทำงานตามกรอบเวลาที่กำหนด
และอีกหนึ่งคือการเดินหน้าผลักดันให้ถนนสายปรองดองนั้นเกิดเป็นรูปธรรมได้จริง !
โดยเฉพาะภารกิจประการหลังที่ดูเหมือนว่าจะเป็นงานใหญ่ที่ คสช. ต้องเร่งดำเนินสะสาง เคลียร์ทุกปัญหาให้อยู่ในสถานการณ์ที่คลี่คลายมากที่สุด แม้ความขัดแย้งอาจไม่สามารถสลายหายไปในพริบตาได้ก็ตาม
เพราะต้องไม่ลืมว่าหาก คสช. ยังปล่อยให้ความขัดแย้ง ทางการเมืองอยู่ในภาวะที่คาราคาซังปล่อยวันเวลาให้ทอดยาวออกไปโดยไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง จนถึงเมื่อสนามเลือกตั้งเปิดขึ้นแน่นอนว่า คสช. จะยิ่งเผชิญหน้ากับความวุ่นวายทางการเมืองระลอกใหม่ ที่ บรรดา"เสื้อสี" และขั้วการเมือง รอจังหวะเปิดศึกกันรอบใหม่ โดยปริยาย !
หนึ่งในแนวทางที่จะสร้างความปรองดองนั้น ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ต้องใช้กลยุทธ์ด้วยกันหลายด้าน ทั้งการเจรจาการจับ "นักการเมือง" ให้ทำ MOU ลงสัตยาบันก่อนการเลือกตั้ง หรือแม้แต่การยื่นเงื่อนไขที่ฝ่ายการเมืองต้องยอม รับนั้นล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่มีโอกาสจะ ถูกนำมาใช้ทั้งสิ้น
การสร้างความปรองดอง ในยุครัฐบาล คสช. ในยุคที่ทหารมีบทบาท มีอำนาจสูงกว่านักการเมืองเช่นนี้ แม้จะดำเนินไปบนความคาดหวังของคนในสังคมก็ตาม แต่จะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งหรือไม่ นักการเมืองและบรรดา "เสื้อสี" ต่างๆจะยอมอยู่ในความสงบ และเล่นในเกมที่ คสช. กำหนดเอาไว้ได้มากน้อยแค่ไหนล้วนแล้วจะมีผลต่อการเคลียร์รันเวย์ก่อนถึงวันเปิดสนาม ทั้งสิ้น !
โดยเฉพาะเมื่อ "ผู้เล่น" ในสนามเลือกตั้งรอบหน้านั้นอาจไม่ได้มีแค่ "นักการเมือง" หน้าเดิมๆ เท่านั้น หากแต่ยังเป็นการเปิดรับ ผู้เล่นหน้าใหม่ ที่สวมเสื้อ "สีเขียว" ลงเล่นด้วยอีกต่างหาก !