สถาพร ศรีสัจจัง คนที่ปักษ์ใต้จำนวนไม่น้อยกำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนหนีภาวะ "ครอบครัวอดตาย" กันมาสองสามปีเข้าแล้ว ตั้งแต่ราคายางพาราดิ่งวูบลงเหมือนอาการผีพุ่งใต้ ต่ำเตี้ยถึงขนาดที่พูดได้ว่าไม่ถึง " 3 กิโลร้อย" เสียด้วยซ้ำ                  ไม่เกิน 2 ปีถัดมาชาวสวนปาล์มน้ำมันก็ประสบชะตากรรมตาม !                   ตั้งแต่เสร็จการเลือกตั้งฉบับคสช.(ที่ดูเหมือนจะยิ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งของ 2 ขั้วอำนาจในสังคมไทยหนาหนักยิ่งขึ้น)ราคาปาล์มน้ำมันก็ดิ่งลงเหว!                   บันทึกไว้เถอะว่า ในยุคนายกฯลุงตู่ผู้ยิ่งใหญ่นี้เองที่ราคาปาล์มน้ำมันทำสถิติตกต่ำลงถึงกิโลกรัมละ 1.50 บาท ชนิดไม่เคยมีเกิดขึ้นมาก่อน และไม่น่าจะเกิดได้อีกแล้วในยุคไหนสมัยหน้า!                   ภายใต้ภาพลักษณ์ของคำสั่งเชิงนโยบายของรัฐบาลว่าให้ปตท.ซื้อน้ำมันปาล์มไปผสมน้ำมันดีเซลนับจำนวนเป็นตัวเลขกว่าแสนลิตร บอกว่าเพื่อช่วยพยุงราคาให้น้ำมันปาล์มของชาวสวนเพิ่มขึ้นบ้าง                    ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในกระบวนการดังกล่าวนี้มีใครกลุ่มใดได้รับผลประโยชน์ไปเต็มๆ!                   รู้ก็เพียงแต่ว่าปตท.ยิ่งซื้อ ราคาปาล์มน้ำมันที่ชาวสวนขายได้กลับดิ่งเหวลงทุกทีๆจนขายได้จริงแค่โลละ 1.50 บาทอย่างที่ทุกฝ่ายล้วนประจักษ์!                   ลุงตู่จะแก้ตัวว่าอย่างไร? เข้าใจคำว่า "ครอบครัวจะอดตาย" ไหม?รู้ว่ายากที่จะเข้าใจ! เพราะครอบครัวลุงตู่ และพรรคพวกเพื่อนฝูงในหมู่สังคญาติของท่านล้วนมีฐานะเศรษฐกิจมั่นคง มีเงินเก็บและรายได้ประจำวันประจำเดือนแบบเทียบไม่ได้เลยกับ "ชาวสวนยาง/ชาวสวนปาล์มยากจน" (นี่ยังไม่นับชาวสวนยางหรือชาวสวนปาล์มรับจ้างนะ!)                  เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่ลูกต้องออกจาการศึกษากลางคันเพราะ "ไม่มีเงินเรียน" ที่เกิดจากทางบ้าน หรือพ่อแม่มีรายได้ตกต่ำเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันบ้างไหม? รู้หรอก ก็ไม่มีทางเข้าใจอีกนั่นแหละ!                 นายกฯลุงตู่ก็ได้แต่ภาคภูมิใจกับโปรเจกต์ใหญ่ๆแบบเต็มปลื้มอยู่ทุกวันใช่ไหมละ? ตั้งแต่เรื่อง EEC. ที่แสนจะยิ่งใหญ่(ของกลุ่มนักลงทุนขนาดใหญ่และกลุ่มคนที่ได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างที่ชาวบ้านเขารู้ๆกัน)/โครงการรถไฟฟ้าของชาวเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯสายสีต่างๆ /มอเตอร์เวย์หรือรถไฟรางคู่ไปเหนือไปอีสาน(ลงใต้แค่หัวหิน?)หรือไม่ก็เรื่องการประมูลร้านสินค้าปลอดภาษีตามสนามบินใหญ่ๆอย่างสุวรรณภูมิหรือดอนเมือง ฯลฯ                  ชาวปักษ์ใต้เขารู้นะ ว่านั่นก็เงินภาษีเขาด้วย และเงินที่ไปกู้เขามาทั้งหลาย คนใต้ก็ร่วมเป็นหนี้ด้วย!                 การจะอดตายและยากจนข้นแค้นของคนปักษ์ใต้(คนจนชาวสวนเกือบทั้งหมดและพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย)จึงกลายเป็นเพียงเรื่องกระจอกเหมือนไม่อยู่ในสายตาหรือในสมองที่แสนจะวุ่นวาย เฉพาะเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเรื่องเดียวก็ดูเหมือนจะทำให้กะโหลกแทบร้าวอยู่รอมมะร่อ!,ของนายกฯลุงตู่!                   ที่จริงคนปักษ์ก็เลือกผู้แทนพรรคพลังประชารัฐของท่านนายกฯลุงตู่ไปหลายที่นั่งเหมือนกันไม่ใช่รึ!  ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพวกเขาต้องการ "สั่งสอน" พรรคเก่าแก่พรรคนั้น หรือเพราะเขาเชื่อคำหวานและ "ของแจก" ของท่านนายกฯลุงตู่ก่อนเลือกตั้งนั่น!                  ระวังเถอะภาพหวานๆจะกลายเป็นขมเอาได้ง่ายๆถ้าต้องถึงภาวะอดตายหรือสิ้นเนื้อประดาตัวเข้าจริงๆ!                 ดูห้วงยามความตกต่ำทุกข์ยากของชาวสวนยางพารา สวนปาล์มชาวปักษ์ใต้ครั้งนี้แล้ว ชางน่าเศร้าหมองจริงๆ !                 เวลา 5 ปีของราคายางที่ตกต่ำกับเกือบครึ่งปีเข้าแล้วที่ราคาปาล์มน้ำมันรูดลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ ไม่ถึง 2 บาท!นั้นส่งผลสะเทือนถึงระบบตลาดทั่วทั้งหมดของภาคใต้ ผู้คนไม่มีกำลังซื้อ แม่ค้าพ่อขายตามตลาดนัดซึ่งเป็นเหมือนเส้นเลือดใหญ่ที่กระจายเป็นพื้นฐานอยู่ในทุกชุมชนใหญ่น้อยของแผ่นดินด่ามขวาน ยามนี้น่าจะกำลังพุ่งขึ้นจนเกือบจะถึงจุดเดือดแล้ว                   แม้ไม่รู้ว่ารัฐบาลใหม่จะมีหน้าตาเป็นแบบไหน และแม้ตอนนี้รัฐมนตรีจะลาออกไปเป็นส.ว. กันแทบทั้งกะบิแล้ว แต่ความรับผิดชอบประเทศก็ยังเป็นของท่านนายกฯลุงตู่ไม่ใช่หรือ?                   ช่วยปรึกษาหารือ (แบบเร่งด่วนจริงจัง) กับคุณสมคิดฯ และใครๆที่เหลืออยู่ในคณะรัฐบาลก่อนที่จะ "เปลี่ยนผ่าน" (ไม่รู้จะเปลี่ยนไปไหน/หรือจากใครเป็นใคร?)หน่อยเถอะ!ว่าจะช่วยภาวะอดตายของชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันที่ภาคใต้ได้อย่างไรบ้างจ้ะ?                     บางทีชาวภาคใต้เขาอาจจะได้ช่วย "กดดัน" นายหัวชวนฯผู้ยิ่งใหญ่(ปากคม)ให้ช่วยนายกลุงตู่ "เปลี่ยนผ่าน" ไปสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้เป็นภาพประวัติศาสตร์สักทีไง!!