กลายเป็นประเด็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ระลอกใหม่ ขึ้นมาแทนที่วาระการตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อล่าสุด วันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา เวบไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศแต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 250 ราย เมื่อหน้าตาของสว.ใหม่ ปรากฎต่อสาธารณชน เสียงวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึงก็ตามมาในทันที โดยเฉพาะวันนี้โลกแห่งโซเชียลได้สะท้อนท่าทีและปฏิกริยาของผู้คนในสังคมได้อย่างรวดเร็ว ว่องไว โดยไม่ต้องไปนั่งคุยกันตามสภากาแฟ อีกต่อไป รายชื่อสว.ทั้ง 250 ราย รวมทั้งอีก 50 รายชื่อที่เป็นรายชื่อสำรองล้วนแล้วแต่ ตอกย้ำให้เห็นชัดเจนว่า ที่สุดแล้ว คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เลือกที่จะเดินหน้าในแผนการเล่นเดิมที่วางเอาไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความไม่เห็นด้วย จากคนในสังคมอย่างไรก็ตาม ยิ่งเมื่อไล่เรียงรายชื่อสว.ทั้ง 250ราย รวมทั้งอีก50 รายที่อยู่ในตำแหน่งผู้เล่นสำรอง ก็ล้วนแล้วแต่เป็น “คนหน้าเดิม” ที่ย้ายมาจาก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่ล้วนแล้วแต่เป็น “แม่น้ำ”ในมือคสช. นั่นเอง โดยพบว่ามีอดีตสนช.มากถึง83 ราย อดีตสปช.-อดีตสปท.37 รายและอดีตสว.ที่เคยอยู่สายคสช. 7 ราย ต่างพากัน ขยับมาเป็นนั่งสว. รอบนี้เพื่อรอทำหน้าที่ยกมือโหวต “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ให้กลับมาเป็น “นายฯรอบสอง” นอกจากนี้ยังมีนายทหารที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสว.รอบนี้ทั้งสิ้น 101 ราย ! แน่นอนว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาสว. ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะโดนสื่อซักถามว่าเป็นสภาสูงที่เต็มไปด้วยเพื่อนพ้องน้องพี่ ว่า ตนเองมีเพื่อนที่เป็นสว.เพียงคนเดียวคือ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา เท่านั้น เมื่อตัดสินใจเดินหน้าเทหมดหน้าตัก เช่นนี้ คสช.เองย่อมไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดัน หรือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วรายชื่อที่เคยถูกโจมตี อย่าง “บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชาน้องชายพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่ปรากฎเป็นซ้ำสอง ! เมื่อเป้าหมายของคสช. คือการยึดเก้าอี้ “นายกฯคนที่30” การเดินหน้าในทุกทาง จึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น แต่ปัญหาที่ยังติดขัด ขยับได้ยาก นาทีนี้ คือการได้มาซึ่ง “รัฐบาลใหม่” ที่ดูเหมือนว่า “พรรคพลังประชารัฐ” กำลังเจอกับ “การบ้านข้อยาก” อย่างสาหัส เพราะไม่เพียงแต่ พรรคการเมืองอื่นๆจะสามารถเล่นเกมต่อรองเก้าอี้ได้แล้วเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นว่าโอกาสที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จะถูกกดดัน ไปจนตลอดอายุรัฐบาลยิ่งมีสูง ! พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา กลายเป็น “ตัวแปร” ที่กำลังปั่นป่วน ปลุกแรงกระเพื่อม จน แกนนำพลังประชารัฐ และบิ๊กคสช.พากัน “นั่งไม่ติด” สถานการณ์เวลานี้ของคสช. คือการมีนายกฯ แต่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และถึงมีรัฐบาลได้ ก็จะยังคงเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ที่กำลังเผชิญกับกระแสที่สะพัดว่า ที่สุดแล้วรัฐบาลชุดนี้จะเป็นรัฐบาลอายุสั้น ลุ้นระทึกกันไปตลอดทาง !