ทีมข่าวคิดลึก
ดูเหมือนว่า "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเล่นในหลายบทบาท ทั้งในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย ต้องเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนตามจังหวัดต่างๆเพื่อเช็กเรตติ้ง และปลุกปลอบขวัญกำลังใจให้กับลูกพรรคยามที่อยู่ในสถานะผู้แพ้
ขณะเดียวกันยิ่งลักษณ์ ยังต้องหาทางต่อสู้เพื่อเอาตัวให้รอดพ้นจากบ่วงคดี "โครงการรับจำนำข้าว" ทั้งในทางแพ่งและทางอาญา ซึ่งก่อนที่ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันนี้ 5 ส.ค. เพื่อแถลงเปิดคดีและตอบคำถามฝ่ายโจทก์ด้วยตัวเองในฐานะจำเลย นั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา"ม.ล.ปนัดดาดิศกุล" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯในฐานะกำกับดูแล สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า "จิรชัย มูลทองโร่ย" รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความผิดทางละเมิด เข้ารายงานตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว โดยพบว่า ความเสียหายจากการบริหารจัดการโครงการรับจำนำข้าวของ ยิ่งลักษณ์ อยู่ที่ 286,639 ล้านบาท ส่วนของ "บุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และพวก อยู่ที่ 18,743 ล้านบาท
แน่นอนว่าเมื่อตัวเลขปรากฏออกมาชัดเจนเช่นนี้ ยิ่งส่งผลในเชิงจิตวิทยาการต่อสู้ทั้งในด้านกระบวนการยุติธรรม และผลต่อความรู้สึก สายตาของผู้คนในสังคมทั้งฝ่ายที่รักและเชียร์อย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก !
อย่างไรก็ดีน่าสนใจว่าแม้ก่อนหน้านี้ยิ่งลักษณ์ จะถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ได้มีคำสั่งผ่อนปรนให้กับนักการเมือง แกนนำของพรรคเพื่อไทยแล้วก็ตาม ถึงกระนั้น ใช่ว่าการเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์ จะไม่เกิดขึ้นในประเทศ มิหนำซ้ำในทางตรงกันข้าม ยังชัดเจนว่า การที่เธอเองเลือกปักหลักอยู่ในประเทศไทยกลับกลายเป็นการสร้าง "แรงสั่นสะเทือน" ต่อ คสช.อย่างได้ผลมากกว่า
ถึงกับเคยมีรายงานข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่าการเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์นั้นแท้จริงแล้วอาจไม่ได้ถูกจำกัดล้อมกรอบไปเสียทุกทาง หรือเข้มข้นไปทุกประตู เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเธอเองและแกนนำพรรคเพื่อไทย คงไม่สามารถขยับกันได้ไปมากกว่านี้
แต่ในขณะเดียวกัน แม้จะมีการเปิดช่องเพื่อระบายความกดดันจากคสช. แต่แสดงบทบาทของตัวยิ่งลักษณ์ กลับเป็นไปในลักษณะที่เรียกว่า เคลื่อนไหวเพื่อแสดงที่อยู่ที่ยืน เป็น"กระแส" ที่หล่อเลี้ยงขวัญกำลังใจให้กับลูกพรรคเท่านั้น
เพราะว่ากันว่าคนในพรรคเพื่อไทย และ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ในฐานะ "พี่ชาย" ย่อมรู้ดีว่าคสช. แม้ไม่กระชับพื้นที่อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ แต่ก็จะไม่ปล่อยปละจนถึงขนาดให้อิสระเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งคดีจำนำข้าวเองก็เริ่ม "งวด" เข้ามาทุกขณะ !
ในทุกการเคลื่อนไหวของยิ่งลักษณ์ไม่ว่าจะเป็นในทางต่อสู้คดีจำนำข้าวหรือการเดินสายพบปะพี่น้องประชาชน ทั้งก่อนและหลังประชามตินั้นถือเป็นความจำเป็นที่จะยังคงทำให้พรรคเพื่อไทย ได้มีที่ยืนอยู่บนเวทีการเมืองไปจนถึงการฉวยจังหวะปลุกกระแสของพรรคเพื่อไทย เพื่อเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งครั้งหน้า ไปในคราวเดียวกัน ด้วยนั่นเอง !