ชัชวาลล์ คงอุดม
เรียน กองบรรณาธิการ นสพ.สยามรัฐ
คอลัมน์คุณชัช เตาปูนที่นับถือ
หลายวันก่อนได้เห็นท่านดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์พูดถึงมาตรการของรัฐที่จะออกมาช่วยเหลือคนจนและผู้มีรายได้น้อยขณะนี้ ถือว่าดีมากทีเดียวค่ะเพราะเวลาเศรษฐกิจไม่สู้ดี คนมีกำลังซื้อถดถอย การทำมาค้าขายยากมาก คนหาเช้ากินค่ำ หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์และคนขับแท็กซี่ต่างก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า มีรายได้เข้าบ้านวันหนึ่งไม่พอกินพอใจสำหรับครอบครัว ไหนจะค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายชีวิตประจำวัน ลูกเต้าก็ต้องเรียนหนังสืออีก
เพราะฉะนั้น การที่รัฐบาลมีนโยบายจะออกสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชนเพิ่มเติมอีกเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วค่ะ โดยเฉพาะตรงจุดทีเดียวค่ะ ถ้าจะออกมาแล้วให้บริการสินเชื่อแก่คนมีอาชีพรับจ้าง หรืออาชีพอิสระ เช่น วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง คนขับรถแท็กซี่ กลุ่มแม่บ้านที่รวมตัวทำวิสาหกิจชุมชน ผ่านธนาคารออมสิน โดยจะเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลา 5 ปี โดยปีแรกจะมีอัตราดอกเบี้ย 0% ปีที่ 2-3 อัตราดอกเบี้ย 1% ชำระคืนภายใน5 ปีและที่พี่น้องประชาชนคนกู้เงินกับแบงก์ชอบมากๆ ก็คือ มาตรการผ่อนผันให้พักชำระหนี้ ซึ่งเห็นว่า รัฐบาลจะผลักดันให้ธนาคารออมสินพักชำระหนี้ให้กับคนจนผู้มีรายได้ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องในเวลานี้นับเป็นข่าวดีของพี่น้องประชาชนคนรากหญ้ามากๆ ทีเดียว
ที่ดิฉันเขียนจดหมายผ่านคอลัมน์หนังสือพิมพ์สยามรัฐมาในวันนี้ ดิฉันอยากจะเสนอให้รัฐบาลขยายวงกว้างมากกว่านี้ อยากให้รัฐบาลอนุมัติให้ธนาคารออมสินร่วมกับสถาบันการศึกษาระดับประถมและมัธยมปล่อยสินเชื่อเพื่อการศึกษาให้กับผู้ปกครองอีกทางหนึ่งด้วยโดยให้สถานศึกษาหรือโรงเรียนนั้นๆ เป็นผู้พิจารณาและเรียกเก็บเงินคืนจากผู้ปกครองเด็กอีกทางหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระการฝืดเคืองของผู้ปกครองในชีวิตประจำวันที่หาเช้ากินค่ำแล้วชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็จะมีเงินกู้ฉุกเฉินตัวนี้มาช่วยประคับประคองเพื่อให้ผู้ปกครองได้บรรเทาความเดือดร้อนในการส่งลูกเรียนต่อ เพราะลำพังค่าเทอมบุตรหลานไม่เท่าไหร่หรอก
ทว่า ปัญหาค่าอาหารการกิน ค่าขนมและค่าเดินทางในชีวิตประจำวันของแต่ละวันไม่น้อยทีเดียว ยิ่งครอบครัวไหนมีลูกมาก พ่อแม่ผู้ปกครองก็จะมีภาระค่าใช้จ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ลูกไปโรงเรียนมากเท่านั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นปัญหาสังคมที่เป็นห่วงโซ่ตามมาจากปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งรายได้ต่อครัวเรือนคงที่และมีแนวโน้มจะต่ำลง หลังจากค่าอาหาร สินค้าบริโภคอุปโภคได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้พี่น้องประชาชนมีอัตราการออมถดถอยหรือลดน้อยลง เพราะเงินเก็บส่วนใหญ่คงจะเหลือเก็บได้น้อยมาก เมื่อรายจ่ายในชีวิตประจำวันสูงขึ้นกว่ารายได้
เพราะฉะนั้น เรื่องของอนาคตการศึกษาของเด็กไทยเราเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะมันจะล้อหรือผันแปรไปตามขีดความสามารถของผู้ปกครองในการส่งเสียดูแลบุตร โดยหากเศรษฐกิจแย่ลง ภาวะการเลิกเรียนกลางคันของเด็กไทยเราก็ย่อมมีโอกาสสูงขึ้นตามมา ซึ่งรัฐบาลควรจะประคับประคองให้ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหานี้ด้วยเช่นกัน เพราะบางอาชีพที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ได้มีอาชีพอิสระ หรืออาชีพรับจ้าง หรือเป็นแม่บ้าน ก็ล้วนแล้วแต่ประสบปัญหาไม่ต่างกัน ก็คือสภาพคล่องทางการเงินฝืดเคือง รายได้ไม่พอรายจ่าย
ดังนั้น อยากให้รัฐบาลได้ผลักดันให้ธนาคารออมสินเข้ามาช่วยประคับประคองแก้ไขปัญหาและโอกาสของเด็กและเยาวชนไทยที่จะเลิกเรียนกลางคันสูงขึ้นด้วยเถอะ เพราะเท่าที่ได้สัมผัสมาเวลานี้ หลายครอบครัวที่มีโอกาสได้รู้จัก ก็เริ่มประสบปัญหาไม่มีปัญญาส่งลูกเต้าให้เรียนต่อ เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงินกันเชื่อว่า โอกาสที่หนี้จะสูญเหมือนกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา คงจะมีโอกาสน้อย หากรัฐบาลใช้สถาบันการศึกษาหรือโรงเรียนเป็นเจ้าภาพในการดูแลเงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ปกครองเด็กนักเรียน โอกาสความเสี่ยงน่าจะน้อยกว่า เพราะทุกวันนี้ทางโรงเรียนก็เป็นผู้เก็บค่าเทอมจากผู้ปกครองเด็กนักเรียนอยู่แล้วดังนั้นการที่จะเกิดการเบี้ยวหรือไม่จ่ายเงินกู้ยืมตัวนี้น่าจะเป็นไปได้น้อยมาก
ก็คงจะขอฝากรัฐบาลในประเด็นเรื่องนี้ไว้ด้วยเถอะค่ะ เพราะการศึกษาถือเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการพัฒนาประเทศชาติ หากเด็กต้องมาเลิกเรียนกลางคันเพราะปัญหาพ่อแม่ผู้ปกครองขาดสภาพคล่อง รัฐบาลก็ควรจะหาทางหยิบยื่นมือเข้าแก้ไข เพราะอย่าลืมว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าจำนวนไม่น้อยนอกจากเผชิญกับปัญหาคนขาดกำลังซื้อแล้ว ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดระเบียบสังคม หลายต่อหลายครอบครัวไม่สามารถจะขายของในที่เดิมได้ ต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ สถานที่ขายใหม่ ซึ่งรายได้และยอดขายขาดหายไปเยอะทีเดียว เนื่องจากกว่าลูกค้าจะติดตลาด หรือแหล่งค้าขายใหม่ ใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว แถมบางสถานที่ที่รัฐจัดให้ ก็ประสบความล้มเหลว ซึ่งคนหาเช้ากินค่ำ ได้รับผลกระทบจากจุดนี้เต็มๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อครอบครัวและบุตรหลานที่ต้องใช้เงินทองใช้สอยในชีวิตประจำวันอย่างเต็มๆ
คงจะขอฝากรัฐบาลได้โปรดพิจารณาถึงประเด็นนี้ด้วยเถอะค่ะ
รักและนับถืออย่างสูง
คนพระสมุทรเจดีย์
เรียนคุณผู้ใช้นามแฝง
"คนพระสมุทรเจดีย์"
ขออนุญาตตอบจดหมายของคุณแทนนะครับ
อ่านจดหมายของคุณแล้ว ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจนะครับ สำหรับความทุกข์ร้อนของคนหาเช้ากินค่ำ ซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องหาหนทางช่วยเหลือเยียวยาในระยะยาวนอกเหนือจากได้มีมาตรการระยะสั้นออกมาเป็นแพ็กเกจช่วยเหลือผ่อนปรนคนจนและมีผู้มีรายได้น้อยกันแล้ว โดยเฉพาะในมิติของผลกระทบทางด้านการศึกษาก็คงต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาฯ จะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังและติดตามปัญหาผลกระทบของเด็กที่เลิกเรียนกลางคันเพราะปัญหาพ่อแม่ผู้ปกครองขาดสภาพคล่องมีมากน้อยเพียงใดกันครับเพื่อจะได้เสนอให้รัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือดูแลได้ถูกจุด
เอาเป็นว่า ผมไม่ออกความเห็นใดๆเพิ่มเติมดีกว่านะครับ เพียงแต่นำจดหมายของคุณมาลงให้หน่วยงานผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้รับฟังเสียงสะท้อนและข้อเสนอแนะของคุณเองแล้วกันนะครับ
ด้วยรักและนับถือ
เจริญชัย อุดมพาณิชวงศ์
"อ่านจดหมายของคุณแล้ว ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจนะครับ สำหรับความทุกข์ร้อนของคนหาเช้ากินค่ำซึ่งก็คงจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องหาหนทางช่วยเหลือเยียวยาในระยะยาว นอกเหนือจากได้มีมาตรการระยะสั้นออกมาเป็นแพ็กเกจช่วยเหลือผ่อนปรนคนจนและมีผู้มีรายได้น้อยกันแล้วโดยเฉพาะในมิติของผลกระทบทางด้านการศึกษาก็คงต้องเป็นหน้าที่ของกระทรวงศึกษาฯจะต้องมีมาตรการเฝ้าระวังและติดตามปัญหาผลกระทบของเด็กที่เลิกเรียนกลางคันเพราะปัญหาพ่อแม่ผู้ปกครองขาดสภาพคล่องมีมากน้อยเพียงใดกันครับ"