สถาพร ศรีสัจจัง
"นิทานประเทศ" เป็นชื่อเรื่องสั้นและเป็นชื่อเล่มหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มสำคัญอีกเล่มหนึ่งของ'นักเขียนหนุ่ม'เลือดเนื้อเขื้อไขชาวพัทลุงแท้ ว่ากันว่า เป็นคนเขียนหนังสือที่นอกจากจะมีเ'เนื้อ'และ'รูป'ที่เป็น'สีสันพื้นถิ่น'(Local colore)แบบเข้มข้นแล้ว ยังมีกลิ่นอายของความเป็น'สากลนิยม'ในเชิง'เรื่องแต่งสมัยใหม่'อย่างเข้มลึกซึ้ง จนเป็นที่ยอมรับและทรงอิทธิพลต่อวงการนักเขียนเรื่องสั้นร่วมสมัยของเมืองไทยในยุคปัจจุบันอย่างกว้างขวาง
กนกพงศ์ สงสมพันธ์ เจ้าของรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน(ซีไรต์)จากหนังสือรวมเรื่องสั้นชื่อ'แผ่นดินอื่น'เสียชีวิตอย่างกระทันหันในช่วงยามที่ชีวิต'นักเขียน'กำลัง'ห้าว' เต็มที่ ตำนานเรื่องราวชีวิตของเขา จึงเป็นเหมือนบันทึกของนักเขียนหนุ่มตลอดกาลอีกคนหนึ่งที่ตราตรึงไว้ในบรรณพิภพเมืองไทย
ทุกเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนเกิดของเขา(เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่สังกัดราศีกุมภ์)จะมีการจัดงานเพื่อน้อมรำลึกและสืบสานเจตนารมย์ถึงนักเขียนหนุ่มผู้นี้ที่บ้านเกิดจังหวัดพัทลุง ณ 'ศูนย์เรียนรู้ใต้โหนด' ริมเส้นทางที่ดิ่งตรงไปยังอุทยานแห่งชาติเขาปู่เขาย่า บนเทือกเขาบรรทัด(พันผ้า) ตรงจุดที่เคยเป็นใจกลางของการ'ลุกขึ้นสู้'ต่ออำนาจรัฐของชาวบ้านแถบพัทลุง-ตรัง ทั้งในนามของ'ชุมโจร รุ่ง ดอนทราย-ดำ หัวแพร' เมื่อข่วงปลายรัชกาลที่ ๖ จนกระทั่งถึงยุค'ถีบลงเขาเผาลงถังแดง'หรือยุค'พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย'ในช่วงทศวรรษ๒๕๑๐-๒๕๓๐
งานนี้เกิดขึ้นและผลักดันอย่างเอาจริงเอาจังโดย'เสี่ยนักเขียนหนุ่ม'ผู้เป็นพี่ขายแท้ๆ-เจน สงสมพันธ์ อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ๒ สมัย โดยยืนหยัดจัดงานมายาวนานจนปีนี้จะเริ่มเข้าสู่ทศวรรษที่๒เข้าแล้ว
กระทั่งทำให้'ศูนย์เรียนรู้'เล็กๆริมเทือกเขาบรรทัดแห่งนี้กลายเป็น'ตลาดนัดชุมชนใต้โหนด' หมุดหมายแห่งการท่องเที่ยวเยี่ยมเยียนแหล่งใหม่ของเมืองพัทลุงไปแล้วในปัจจุบัน
กนกพงศ์ สงสมพันธ์-นักเขียนหนุ่มเจ้าของเรื่องสั้น'นิทานประเทศ'ที่นักวิจารณ์วรรณกรรมมือทองหลายท่านประเมินว่านี่คือเรื่องสั้นที่เป็นตัวแทนของพัฒนาการในการเขียนเรื่องสั้นของนักเขียนไทยในช่วงทศวรรษ ๒๕๔๐
'ที่หยิบชื่อเรื่องสั้น'นิทานประเทศ'ขึ้นมาพูดถึงในวันนี้ นอกจากจะเพื่อรำลึกถึงนักเขียนหนุ่มชาวใต้ผู้ผูกพันกับ'ป่าน้ำค้าง'มาแต่วัยเด็ก และมักย้ำเตือนให้นักอ่านของเขาตระหนักรู้ว่าแผ่นดินของตัวเองกำลังจะกลายเป็น'แผ่นดินอื่น'อย่างไร(ลองอ่านเรื่องสั้นของเขาที่ขื่อ''โลกใบเล็กของซัลมาน"ดูเถอะ!)อยู่เสมอๆในเดือนเกิดของเขา และเพื่อแจ้งข่าวแก่แวดวงวรรณกรรมให้รู้ทั่วกันว่า งานประกาศผลรางวัลเรื่องสั้นยอดเยี่ยม'ราหูอมจันทร์'หรื่อ 'เรื่องสั้นรางวัล กนกพงศ์ สงสมพันธ์'ประจำปี พ.ศ.2559กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว เรื่องสั้นเรื่องนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้คนไทยยุค'สะพาน(น้ำท่วมปักษ์ใต้)'ได้ฉุกคิดถึงอะไรได้หลายเรื่องทีเดียวเชียวแหละ-ละมั้ง!
ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปหาหนังสือเล่มที่ชื่อ'นิทานประเทศ'เล่มนี้มาอ่านกันดู หาซื้อที่ไหนไม่ได้ก็ลองเข้าไปใน'เฟซ'ของ'สำนักพิมพ์นาคร'ของเจน สงสมพันธ์ดู ยุคคนไทยไม่อ่านหนังสืออย่างเดียวนี้ น่าจะยังพอมีเหลือให้สั่งซื้อได้อยู่หรอกน่า..
อ่านแล้วจะได้รู้เหมือนที่ผู้เขียนคือกนกพงศ์ สงสมพันธ์รู้และเชื่อมั่นตลอดมาก็ได้ว่า ในโลกนี้ที่จริงเต็มไปด้วย'เรื่องเล่า' ปัญหาก็คือ ใครจะเห็นหรือจะสามารถเลือกหยิบเรื่องมา'เล่า'ในแง่มุมไหน จะเล่าอย่างไรจึงจะทำให้'พลัง'ของเรื่องเล่าที่หยิบมาเล่าน่าเชื่อถือ ทั้งๆที่รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเพียง'เรื่องเล่า'เรื่องหนึ่งก็ตาม
และจริงๆแล้วเมืองไทยเราเป็นเพียงเรื่องเล่าเชิงนิทานเรื่องหนึ่งเท่านั้นหรือ?
ถ้าใครเคยอ่านเรื่องเล่าเชิงนิทานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นนิทานอีสป นิทานเวตาล นิทานอิหร่านราขธรรม นิทานของพี่น้องตระกูลกริมส์ หรือนิทานสอนใจอื่นใด รับรอง อ่าน'นิทานประเทศ'แล้วจะได้รับรับรู้และรับรสที่แตกต่างๆ!
และ'นิทานประเทศ(ไทย)'เรื่องนี้อาจจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดสำนึกร่วมได้บ้างว่า แท้ที่จริงแล้วประเทศเราควรจะมีนิทานแบบไหนให้มากๆขึ้นอีกสักหน่อยนะ เพื่อว่า 'เรื่องเล่าพวกนั้น'อาจจะมีส่วนช่วยให้คนไทยสามารถหลุดรอดจากอิทธิพลของนิทานเรื่อง"ถูกหลอกแดก"จากนักเล่าที่สิงอยู่ในคราบของคนห่มผ้าเหลือง นายทุนใจบุญ นักการเมืองประเภทปากดี-เงินถึง หรือประเภทขุนทหารผู้รักชาติ-ได้บ้าง!!!!