ทองแถม นาถจำนง เปลี่ยนรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการบ่อย ๆ การศึกษาไทยยิ่ง เป๋ รมต.ศึกษาฯ คนใหม่ ท่านก็ต้องหาประเด็นใหม่ ๆ ให้เป็นข่าว แต่ถ้ายุทธศาสตร์การศึกษาเปลี่ยนแปลงกันอยู่เรื่อย ไม่ต่อเนื่อง การศึกษาไทยก็คงย่ำเท้าซอยอยู่กับที่ต่อไป แก่นยุทธศาสตร์การศึกษานั้น มิได้ชี้ขาดอยู่กับคำเรียก “ครู หรือ อาจารย์” “ครูใหญ่ หรือผู้อำนวยการ” หรอกครับ “การศึกษา” จะบรรลุผลสำเร็จตามที่คาดหวังไว้นั้นหรือไม่ ขึ้นกับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง อย่างหนึ่งคือ “การจัดการศึกษา” ระบบการศึกษาไทยนั้น ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเปรียบเทียบว่า เหมือนทางด่วนซุปเปอร์ไฮเวย์ คือถ้าขับขึ้นไปแล้ว ต้องมุ่งไปสู่จุดเดียว คือเอาใบปริญญา การศึกษาควรเหมือนถนนที่มีทางแยกออกมาก ๆ คือมีทางเลือกในการศึกษาหลายทาง ไม่ใช่จะต้องบ้าปริญญาทางเดียว เรื่องนี้ท่านเขียนไว้ใน “สยามรัฐหน้า 5” ฉบับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2515 ดังนี้ “การศึกษาเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับสังคมที่กำลังพัฒนานั้น เห็นจะเป็นความจริงที่ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ ปัญหาในทางเศรษฐกิจและในทางสังคมของประเทศไทยซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนั้น ถ้าจะพิจารณาย้อนกลับไปดูถึงต้นเหตุที่แท้จริงแล้ว ก็จะเห็นได้ชัดว่าปัญหานั้นเกิดจากการศึกษา หรือการขาดการศึกษาของผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่กับปัญหานั้นทั้งสิ้น ปัญหาเรื่องเกษตรกรในเมืองไทยถูกพ่อค้าคนกลางเอารัดเอาเปรียบนั้น เป็นปัญหาซึ่งพูดกันบ่อย ๆ และถึงแม้ว่าจะได้พูดกันมามากแล้วเพียงใด ก็ยังไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดแก้ปัญหานั้นได้อย่างแท้จริง เหตุที่ทำให้พ่อค้าคนกลางเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรได้นั้นก็อยู่ที่ว่า การศึกษาของพ่อค้าคนกลาง และการศึกษาของเกษตรกรอยู่ในระดับที่แตกต่างห่างกันไกล คนมีความรู้มากย่อมจะเอาเปรียบคนที่มีความรู้น้อยได้เสมอ การส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกันตั้งสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรขึ้น เพื่อเป็นการร่วมกำลังกันต่อรองกับพ่อค้าคนกลางนั้นเป็นความคิดที่ถูก เป็นทางที่จะแก้ปัญหานั้นได้ แต่ก่อนที่จะใช้ทางนี้แก้ เราก็จะต้องคำนึงถึงการศึกษาของเกษตรกรอีกเช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าเกษตรกรมีการศึกษาไม่อยู่ในระดับที่สูงพอสมควรแล้ว การดำเนินกิจการของสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกรก็จะเป็นไปได้ด้วยความยากลำบากและไม่บังเกิดผลตามที่ควร เหตุแห่งปัญหาก็มาลงอยู่ที่การศึกษาอีก อนาคตของคนนั้นมิได้ขึ้นอยู่กับปริญญาบัตรแผ่นเดียว ถูกแล้วครับ พูดเท่าไรอีก ก็ถูกอีก แต่ระบบการศึกษาของเมืองไทยในขณะนี้ก็เป็นไปในทางที่จะผลิตแต่ผู้มีปริญญาเท่านั้น ไม่คำนึงถึงการผลิตเกษตรกรผู้มีการศึกษา คนงานอุตสาหกรรมผู้มีการศึกษา หรือราษฎรธรรมดาสามัญผู้มีการศึกษาเลย พูดอย่างง่ายที่สุดและตรงที่สุดก็คือ มหาวิทยาลัยทุกแห่งในเมืองไทยขณะนี้ มุ่งหน้าแต่จะผลิตข้าราชการหรือผู้ที่จะออกมามีอำนาจเหนือราษฎรไทยเท่านั้น ระบบการศึกษาของเมืองไทยตั้งแต่ประถมต้นขึ้นมานั้น เปรียบเสมือนทางหลวงซูเปอร์ไฮเวย์ชั้นที่หนึ่งซึ่งตัดตรงไปยังจุดเดียวเท่านั้น ถึงแม้ว่าทางหลวงนั้นจะเป็นระยะไกลก็ไม่มีทางแยกไปที่ใดในระหว่างทางเลย เพราะฉะนั้นผู้ใดที่หลุดเข้าไปในทางหลวงนี้แล้ว ถ้าไม่ตกถนนตายไปเสียก่อน ก็จะต้องไปถึงจุดที่หมายปลายทางอันเดียวกันเท่านั้น คือการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัยและปริญญา เด็กที่เข้าเรียนชั้นประถมต้นทุกคนจะต้องมีการศึกษาขั้นมหาวิทยาลัยและปริญญาเป็นจุดหมายปลายทาง ต่อมาเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับตนจึงจะแลเห็นความจริงขั้นปรมัตถ์ว่า อนาคตของคนนั้นมิได้ขึ้นอยู่กับปริญญาบัตร ซึ่งเป็นกระดาแผ่นเดียวเท่านั้น ความจริงเกี่ยวกับการศึกษาของเมืองไทยนั้น ในระยะนี้ก็ดูเหมือนท่านที่รับผิดชอบในการศึกษาของชาติจะทราบอยู่เหมือนกัน สังเกตได้จากความพยายามที่จะส่งเสริมการศึกษาประเภทอาชีวศึกษาและฝึกอาชีพต่าง ๆ แต่การปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาเพื่อจะผลิตเกษตรกรที่มีการศึกษาให้ได้เป็นจำนวนมากนั้น ดูเหมือนจะยังไม่มีใครคิดหรือยังไม่มีใครทำ อย่างไรก็ตาม วัตถุประสงค์แห่งการศึกษาตามที่ควรจะเป็นนั้น ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจจะแจ้ง คนยังคงเข้าเรียนหนังสือกันด้วยวัตถุประสงค์เดิม เพื่อจะได้รับปริญญา เข้ารับราชการในตำแหน่งสูง ๆ เป็นเจ้าคนนายคนต่อไป ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของเมืองไทยนั้น เมื่อรวบยอดแล้วก็มาลงอยู่ที่การศึกษาเท่านั้นแหละครับ”