การเคลื่อนไหวของบรรดา “พรรคการเมือง” ต่างพากันสะดุด หยุดกึก ลงไปชั่วขณะ เมื่อเวลานี้ทุกฝ่ายต่างต้องรอความชัดเจน จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปจนถึงหลังวันที่ 9 พ.ค.จนกว่าจะเสร็จสิ้นพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือการที่ “สูตรคำนวณ” ของส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ จนถึงวันนี้ยังไม่มี “คำตอบ” ว่าจะใช้สูตรใด เพื่อคิดคำนวณหาตัวเลขที่ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ให้เกิดความชัดเจนว่า พรรคไหน ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เท่าใด เพราะตัวเลขที่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลงไปจากเดิมที่เคยประกาศออกมาก่อนหน้านี้ ล้วนแล้วแต่เป็น “เงื่อนไข” ในการเข้าร่วมรัฐบาล ไปจนถึงการสร้าง “อำนาจต่อรอง” ทั้งสิ้น !
หากย้อนกลับไปยังวันที่ 24 มี.ค.หลังการปิดหีบเลือกตั้งในช่วงเย็น จะพบว่าบรรยากาศของแต่ละพรรคต่างคึกคึก เพราะเฝ้า “ลุ้นผลคะแนน” ว่าจะได้เข้าวินกันกี่ที่นั่ง ถัดจากนั้นไม่กี่วันต่อมา การเมืองได้เข้าสู่โหมดของการช่วงชิงจังหวะเพื่อ “แข่งกันตั้งรัฐบาล” ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคพลังประชารัฐ” ต่างมาออกแอคชั่นเพื่อประกาศตัวตั้งรัฐบาล
แต่แล้วทุกอย่างก็มีอันต้องถูกเบรค เพราะตัวเลขส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่คิดคำนวณกันออกมายังไม่ใช่ “คำตอบสุดท้าย” !
ในระหว่างที่แต่ละพรรคการเมือง ทำได้เวลานี้คือการ “หยุดเพื่อรอ” ที่จะเดินหน้าต่อไปแล้วนั้น ขณะเดียวกันการแพ็คกำลังตัวเลขว่าที่ส.ส.เขตและส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ของแต่ละฝ่ายคือเรื่องที่มีความสำคัญไม่น้อย
เพราะจากนี้ไปจนกว่าจะถึงวันตั้งรัฐบาลใหม่ได้นั้น คาดว่าจะมีขึ้นในราวปลายเดือนมิ.ย.นั้นอะไรๆก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะหากในระหว่างนี้ สถานการณ์ของพรรคแกนนำหลักในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งพรรคพลังประชารัฐ หรือเพื่อไทย หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาในทิศทางที่เป็นบวก เป็นฝ่าย “ถือแต้มต่อ” ย่อมจะส่งผลทำให้ “ฝั่งตรงข้าม”เกิดความหวั่นไหว ว่าขุมกำลังที่ตนเองมีอยู่ในมือนั้นจะถูกดึงออกไปให้ไปอยู่กับฝั่งตรงข้ามหรือไม่
ความเคลื่อนไหวในการวิ่งจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลอาจจะสร่างซาลงไป อย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่สองพรรคใหญ่ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งฟากพรรคเพื่อไทยย่อมอยู่ที่วิธีการ “ผนึกกำลัง” เพื่อสร้างความมั่นใจว่า หลังวันที่ 9 พ.ค.ไปแล้ว พันธมิตรทางการเมือง ในวันนี้จะแปรเปลี่ยน หรือไม
ยิ่งสำหรับฝ่ายพรรคเพื่อไทยที่ดูเหมือนว่าตั้งแต่หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมา บรรดาพรรคพันธมิตร ที่ประกาศตัวแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็กำลังเผชิญหน้ากับ “งูเห่า” ภายในพรรคของตัวเองแทน ขณะที่พรรคเพื่อชาติ พรรคสาขาเองก็กำลังเจอกับ “ศึกใน” เมื่อบรรดาผู้สมัครต่างออกมา “แฉแหลก”ว่าถูก “แกนนำ” ของพรรคหลอกให้ช่วยหาเสียง ออกทุนรอนกันไปก่อน แต่แล้วสุดท้ายกลับไม่มีการช่วยเหลือ
ส่วนพรรคอนาคตใหม่เอง ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เองก็สุ่มเสี่ยงว่าจะรักษาไปไม่ถึงวันที่พรรคเพื่อไทย จะตั้งรัฐบาลสู้กับพรรคพลังประชารัฐ
เกมการเมืองที่คาดว่าจะ “นิ่ง” เพื่อหยุดรอ “ความชัดเจน” จากกกต.ว่าด้วยการคิดคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รอไปจนถึงวันที่ 9พ.ค.ที่กกต.จะประกาศรับรองนั้น ทำไมทำมา ภายใต้ความนิ่ง กลับเต็มไปด้วย “แรงกระเพื่อม” ในทุกทิศทุกทาง !