สถาพร ศรีสัจจัง
ถามว่าถ้อยโจมตี หรือคำหยามประนามที่ว่า เมืองไทย (ในห้วงเวลาที่ผ่านมา) มีการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอมาก ทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้คน (บางพวกบางกลุ่มไม่ใช่ราษฎรสามัญ) ไม่เคยเกรงกลัว มีการละเมิด และใช้ ช่องว่าง ดังกล่าวหาประโยชน์และสร้างความเหลื่อมล้ำ ชั่วร้ายต่างๆ ขึ้นในสังคมอย่างเหลือคณานับฯลฯนั้นเป็นความจริงหรือไม่?
ต้องตอบว่าจริง!
ครั้งหนึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทักษิณ (ไม่ใช่ ทักษิณผู้นิราศ คนนั้น!) ที่จังหวัดสงขลา ลงเก็บข้อมูลเพื่อทำวิจัยเรื่อง ร้อยปีคนไทยในมาเลเซีย! ที่บ้านปลายละไม อำเภอเปิ้นดัง รัฐเคดะ(ไทรบุรีเดิม)มีคำถามข้อหนึ่งน่าสนใจมาก
คำถามว่า ถ้ารัฐบาลไทยจะทำเรื่องขอรับคนไทยในมาเลเซียให้กลับไปอยู่บ้านเดิมที่เมืองไทย เป็นพลเมืองไทยเหมือนที่บรรพบุรุษเคยเป็นมา จะเอาหรือไม่? คำตอบคือ ไม่เอา ! เมื่อถามว่าทำไม? คำตอบที่ได้รับก็คือ ไม่เอาไม่ไป เมื่อถามถึงเหตุผล โดยย้ำไปว่า ก็เห็นมีสำนึกเป็นคนไทยแท้ๆทุกเรื่อง (หลายเรื่องเข้มข้นกว่า คนไทย ยุคปัจจุบันมาก!) แล้วทำไมเมื่อเขาให้สิทธิ์จึงไม่รับเล่า พวกเขาตอบคำถามนี้แบบทำให้คนฟัง หน้าหงาย !
พวกเขาตอบว่า เป็นพลเมืองชั้น 2 ที่มาเลย์ดีกว่าเป็นพลเมืองชั้น 2 ในเมืองไทย เพราะอย่างน้อยมีความปลอดภัยในเรื่องชีวิตและทรัพย์สิน ได้รับการปฏิบัติตามกฏหมายเสมอภาคกัน ไมว่าคนรวยหรือคนจน ที่เมืองไทยฟังว่า ขับรถชนคนตาย ฆ่าคนตาย หรือทำผิดกฏหมายอะไรก็ไม่ต้องติดคุกถ้ามีเงินมากๆ หรือเป็นลูกเจ้าใหญ่นายโตที่มีอิทธิพลทางทหารหรือทางการเมืองมากๆ!
ฟังแล้วสะอึก! ฟังแล้วแทบไม่มีคำโต้ตอบ เพราะในทางปฏิบัติ มีใครหน้าไหนกล้ายืนยันบ้างว่า สถานการณ์ในเมืองไทยไม่เป็นเช่นนั้น?จนกระทั่งถึงวันนี้ก็เห็นๆกันอยู่ว่า บรรดาคนรวยที่ทำผิดแบบเห็นๆปฏิบัติการเย้ยกฏหมายกันอย่างหน้าด้านๆยังไง
มีผู้ทรงอิทธิพลตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และ ลูกหลานคนรวย หรือนักค้ายากี่คนกันเล่าที่ชาวบ้านรับรู้เชิงประจักษ์กันทั้งประเทศว่าทำผิดแล้วยังไปเอ้อระเหยลอยชายเยาะเย้ย รัฐไทย ให้ได้อายกันอยู่แบบเห็นๆ!
อย่าให้ต้องออกชื่อให้เป็นเสนียดเลยนะ!
หรือนายกฯลุงตู่ในฐานะ หัวหน้าใหญ่ ของ ผู้บังคับใช้กฎหมาย จะมองไม่เห็นเรื่องเช่นนี้ หรือเห็นแล้ว บ่มิไก๊ ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัว? เพราะจุดใต้ตำคอ? หรือเพราะไร้ความสามารถ?
5 ปีมาแล้วไม่ใช่หรือที่ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จไปไว้ในมือ นอกจากบ่น ด่าว่า และทำท่าเหมือนจะทวงบุญคุณคนอื่นแล้ว ได้ ปฎิรูป และแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำอะไรบ้าง?
ถึงวันนี้ วันที่นายกฯลุงตู่ จะขออาสาต่ออายุอยู่ในอำนาจ และผลการเลือกตั้งชี้ชัดว่า ยุ่งแน่ เพราะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรก้ำกึ่งกัน แม้ลุงตู่จะมีกองหนุนที่เตรียมไว้แล้ว คือบรรดาสว.แต่งตั้งที่มีที่นั่งในสภาสูง (ซึ่งออกแบบไว้ให้ต้องลงมาใช้สิทธิ์ในรัฐสภาเรื่อง โหวตนายกฯ ด้วย) ถึง 250 คนก็เถอะ!
แต่รัฐบาลที่เสียงส.ส.ปริ่มน้ำ (ไม่เกิน 260 ที่นั่ง) หลังโหวตเลือกนายกฯผ่านฉลุยเพราะเสียงหนุนที่เหลือเฟือของบรรดาส.ว. แล้วจะบริหารรัฐบาลผสมที่มาจาก 20 พรรคการเมืองได้อย่างไร?
ก่อนจะถึงเวลาดังกล่าว นายกฯลุงตู่ในฐานะหัวหน้าคสช.ที่มีอำนาจเต็มอยู่ ก็มีเรื่องที่ชาวบ้านร้านช่องเขาถือว่าน่าจะเป็น บททดสอบความสามารถ ก่อนจะเข้าสู่ตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีในยุคสมัยแห่งการเลือกตั้ง (แม้ลุงตู่จะเป็นแค่ แคนดิเดตนายกฯ ก็ต้องถือว่ามาจาก กระบวนการเลือกตั้ง) อยู่หลายเรื่อง
แต่เรื่องที่น่าจะเร่งด่วนที่สุดก็คือเรื่อง ทำอย่างไรให้พี่น้องชาวจังหวัดภาคเหนือและมหานครกรุงเทพฯได้ใช้ สิทธิ ในการได้รับอากาศบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากอากาศเป็นพิษอันเลวร้าย (ที่สุดในโลก) ทำอย่างไรให้บรรดาชาวบ้านธรรมดาๆทั้งหลายได้มีสิทธิ์ป้องกันสุขภาพตัวเองได้เหมือนๆกับคนรวย(ที่มีทางเลือกมากกว่า)โดยการปกป้องของ รัฐ
อย่าอ้างอีกนะว่า เจ้าหน้าที่ไม่พอ ชาวบ้านไม่เชื่อฟังกฎหมายเผาป่าไม่ยอมหยุด หรือที่หนักกว่านั้นก็คือโยนว่าเป็นฝีมือของฝ่ายไม่หวังดีที่ต้องการ ทำลาย เครดิตของท่านทางการเมือง
เพราะโปรดอย่าลืมว่าท่านเข้ามานั่งอยู่ในตำแหน่ง หัวหน้าผู้รักษากฎหมาย และ ผู้บริหารสูงสุด ของประเทศนี้ด้วยความสมัครใจของท่านเองไม่มีใครบังคับ!
เรื่องนี้คงต้องลงในรายละเอียดอีกสักหน่อยละกระมัง?!!!