นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และขอให้เชื่อเถอะว่า คงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอีกเช่นกันที่ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) จะออกมาส่งเสียงคำรามไปยังกลุ่มคน หรือบางพรรคการเมืองที่ถูกมองว่า “จงใจ” สร้างความวุ่นวาย ปลุกความแตกแยกขึ้นในสังคม และที่สำคัญไปกว่านั้นคือการดึง “สถาบันเบื้องสูง” ลงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องของการเมือง แต่ต้องยอมรับว่าการให้แสดงท่าทีของพล.อ.อภิรัชต์ ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 2 เม.ย.นับว่าเป็นการ เข้าใส่ “นักวิชาการ” ที่กำลังเป็นประเด็นถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเวลานี้อย่างหนัก และที่ทำให้ผบ.ทบ.อย่างบิ๊กแดง ถึงกับต้องเล่นบทกร้าว เช่นนี้ เพราะสถานการณ์ในวันนี้ “ความขัดแย้งทางการเมือง” กลายเป็นเรื่องรองลงไป เมื่อพบว่ามีความพยายามที่จะหยิบยกและพาดพิง “แนวคิด” ของนักวิชาการอย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยแสดงความเห็นต่อเรื่องสถาบัน แต่ล่าสุดเจ้าตัวยืนยันว่ามีการตัดต่อคลิป และข้อความเพื่อหวังใส่ร้ายก็ตาม แต่ถึงกระนั้นการออกมาชี้ของปิยบุตร ย่อมมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ มิหนำซ้ำยังมีการเปิดหลักฐานเอกสารที่ถูกอ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับกลายเป็นการตอบโต้ที่ไม่รู้จบ “ ขอร้อง นิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ ที่ไปเรียน ต่างประเทศ บางท่าน ได้ทุน ราชการ ทุนจากในวัง ท่านเรียนระบอบประชาธิปไตย ที่ใดไม่ว่า แต่ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ เขามีวัฒนธรรม ของตัวเองแตกต่างกัน เมื่อเราไปเรียนก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับประเทศอื่นอื่น ย้อนถาม คสช. เป็นเผด็จการจริงหรือ ไม่อยากจะยกตัวอย่างประเทศอื่นที่เขาเผด็จการจริงๆ นี่คือวัฒนธรรมระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ทั้งนี้ขอให้รักกันเถิด นำความรู้ระบอบประชาธิปไตยของเขามา ต้องดูด้วย ไม่ใช่พยายามเปลี่ยนแปลง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าเอาซ้ายจัดมา แล้วดัดจริต นี่คือแผ่นดิน ที่บรรพบุรุษ เสียเลือดเนื้อ ขอฝากรักกันเถอะ หยุดวาทกรรมการเมือง ในเมื่อกรรมการตัดสินแล้ว ขอให้อยู่เกมใครเกมมัน เป็นไปตามครรลอง ล้างแค้นกันไปมา ก็ไม่มี วันจบ”พล.อ.อภิรัชต์ ระบุ (2เม.ย.2562) ความเปราะบางของสถานการณ์เวลานี้กำลังปรับมุมเปลี่ยนทิศไปสู่การทำสงครามผ่านโลกออนไลน์ ซึ่งดูเหมือนว่าได้ผลมากมายมหาศาล จนทำให้มีเสียงเตือนจากว่าขอให้ทุกฝ่าย หยุดคิดก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของการแบ่งแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย จนนำไปสู่ความรุนแรง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และยิ่งเมื่อเวลานี้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยังได้กลายเป็น “ภาคต่อ” ที่พันพัวไปกับ “ศึกเลือกตั้ง” ที่ยังไม่มีใครได้คำตอบว่า การตั้ง “รัฐบาลใหม่” จะผ่านพ้นความยุ่งยากไปได้หรือไม่ ! ?