รศ.ดร.ไชยา ยิ้มวิไล
สวัสดีปีใหม่ 2560 ครับ วันนี้เป็นวันที่ 2 มกราคม 2560 แล้ว วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก “ปีระกา” ปีนี้ไม่ทราบว่า “จะเป็นปีไก่ชน-ปีไก่ขัน-ปีไก่แจ้!” ก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ ตามคำนายและคาดการณ์ว่าปี 2560 นั้น “สภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว!” แน่นอน แต่จะฟื้นตัวมากน้อยเพียงใด ต้องเรียนสารภาพเลยว่า ไม่สามารถฟันธงได้เลย!
เหตุผลสำคัญนั้น ประเทศสหรัฐอเมริกาจะได้ประธานาธิบดีใหม่ถอดด้ามคนที่ 45 ในวันที่ 20 มกราคม 2560 ทั้งนี้ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” นั้นช่วงรณรงค์หาเสียงนั้นฟังดู “แข็งกร้าว” อย่างมากต่อประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และเข้าข้างรัสเซีย แต่พอรับตำแหน่งแล้วผมคาดการณ์ว่า “คงต้องปิดประตูคุยกันสองต่อสอง” และในที่สุดน่าเชื่อว่า “ผลลัพธ์จะออกมาเชิงบวก” เนื่องด้วยสหรัฐฯ และจีนนั้น มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจการค้าอย่างมาก บวกกับการวิจัยที่ร่วมกันอย่างมาก และที่สำคัญจีนเป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลก
และรัสเซียยังไงๆ ก็ต้องยอมรับ “การเจรจาด้านสันติภาพ” กับ “ทั้งสหรัฐฯและจีน” อย่างแน่นอน เหตุผลเพราะว่า “โลกอนาคต” นั้น “สามเหลี่ยมเศรษฐกิจมหาอำนาจ” หนีไม่พ้น “สหรัฐฯ-จีน-รัสเซีย” อย่างแน่นอน
ต่อจากนั้น “อังกฤษ-ฝรั่งเศส-เยอรมันนี” จะเป็นอีกหนึ่งสามเหลี่ยมที่มีบทบาทสำคัญด้านทวีปยุโรป และสามเหลี่ยมสุดท้ายคือ “จีน-ญี่ปุ่น-เกาหลี” ที่จะค่อยๆ พลิกบทบาทให้มีอำนาจมากขึ้นในทวีปเอเชีย ทั้งนี้ “จีน” จะเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกอันดับสอง โดยเกาหลีใต้อาจเดินเป๋เล็กน้อย เนื่องด้วยช่วงของการเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากอดีตประธานาธิบดีปาร์ค กึม เฮ ซึ่งน่าเชื่อว่า “นายบันคีมูน” อดีตเลขาธิการสหประชาชาติ น่าจะรับตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนใหม่
อย่างไรก็ตาม “ความคาดหวัง” จาก “การวิพากษ์วิจารณ์” สภาวะเศรษฐกิจโลกที่สหรัฐฯ น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัว ไม่ว่า ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่ามากขึ้น บวกกับอัตราว่างงานนั้นลดน้อยลง แต่ก็อยู่ที่การทำงานของอนาคตประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายทรัมป์ที่ต้องยึด “หลักธรรมาภิบาล” อย่างมาก ตลอดจน “ไม่มีธุรกิจทับซ้อน” อย่างเด็ดขาดเนื่องด้วยชาวอเมริกันบวกกับสื่อมวลชนจ้องนายทรัมป์แบบตาไม่กระพริบอย่างแน่นอน หรือเรียกว่า “NO CONFLICT OF INTEREST!”
เหตุผลเพราะว่า นายทรัมป์เป็นอดีตนักธุรกิจที่ไม่เคยเป็นนักการเมืองเลย “พฤติกรรมเดิม” อาจฝังรากลึกที่ยากจะเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าจะโอนให้บรรดาลูกหลานหมด ก็ขอให้เขาโชคดีและ “ยึดมั่นหลักธรรมาภิบาล” อย่างมั่นคง เพราะถ้าผิดเล็กน้อยเท่านั้น อาจลามปามเป็นกรณีใหญ่โตเลย!
อย่าลืมว่า นายทรัมป์นั้นปากไวมาก แต่นักการเมืองต้องนิ่งและสุขุมรอบคอบอย่างมาก ตลอดจน “นโยบายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” ต้องลงลึกและเชื่อมสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งที่สุด ทั้งนี้คณะที่ปรึกษาและทีมงานของนายทรัมป์ต้องแข็งโบ๊กอย่างมากในการคุมเกม!
อย่างไรก็ตามปี 2560 นี้ น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่บ้านเมืองเรากำหนดโรดแม๊ปสู่การเลือกตั้งปลายปี 2560 และ “รัฐธรรมนูญ 2557” ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแล้ว เพียงแต่ “กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ” หรือ “กฎหมายลูก” อีก 10 ฉบับที่ต้องใช้เวลาอีก 8-9 เดือนกว่าจะเสร็จโดยเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2559 เป็นวันลงประชามติว่าประชาชนจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง โดย กกต.ได้แถลงผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการพบว่า มีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติจำนวน 29,740,677 คน จากจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด 50,071,589 คน หรือร้อยละ 59.40 จำนวนบัตรเสีย 936,209 ใบ หรือร้อยละ 3.15 สำหรับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น “มีผู้เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 16,820,402 คะแนน หรือคิดเป็นร้อยละ 61.35 ขณะที่ผู้ไม่เห็นชอบมีจำนวน 10,598,037 คะแนน หรือร้อยละ 38.65” ส่วนการลงประชามติคำถามพ่วงนั้น มีผู้เห็นชอบคำถามพ่วงจำนวน 15,132,050 คะแนน หรือร้อยละ 58.07 ขณะที่ผู้ไม่เห็นชอบมีจำนวน 10,926,648 คะแนน หรือร้อยละ 41.93 และไม่มีการยื่นเรื่องร้องคัดค้านการออกเสียงประชามติภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด
จังหวัดที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติมากที่สุด 5 อันดับ คือ ลำพูน, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่ตาก และเชียงราย ส่วนจังหวัดที่ลงประชามติเห็นชอบทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงสูงที่สุด 5 อันดับ คือ ชุมพร, นครศรีธรรมราช, ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี และระนอง
ตามด้วย นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีความร่วมมือเอเซีย หรือ เอซีดี ครั้งที่ 14 ที่โรงแรมเคมเปนสกี้ กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 9-10 มีนาคม ภายใต้หัวข้อหลัก “กำหนดทิศทางของเอซีดี และพัฒนาให้เกิดความเชื่อมโยงในกลุ่มความร่วมมือเอซีดี” โดยวันที่ 10 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานเปิดการประชุม
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศรัฐสมาชิกเอซีดี ทั้ง 34 ประเทศที่เข้าร่วม โดยระดับรัฐมนตรีกว่า 10 ประเทศ ซึ่งเป็นประเทศสำคัญในเอเชีย การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรก ภายหลังจากที่ไทยรับหน้าที่เป็นประธานต่อจากซาอุดิอาระเบีย โดยนายดอน จะทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยจะนำเสนอให้รัฐสมาชิกของเอซีดี เชื่อมโยงความร่วมมือกัน เพื่อตระหนักและรับมือต่อสิ่งท้าทายในสถานการณ์ปัจจุบัน อาทิ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ การรับมือกับโรคระบาด อาชญากรรมข้ามชาติ รวมไปถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่ได้กระทบต่อความมั่งคั่งในภูมิภาคเอเชีย ระดับการพัฒนาประเทศ และความอยู่ดีกินดีของประชาชน
นอกจากนี้ ไทยในฐานะประธานการประชุม และผู้ประสานงานอาเซียน จะใช้โอกาสนี้ เสนอแนวคิดเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อในที่ประชุม เพื่อให้รัฐสมาชิกเอซีดีไปศึกษาและประยุกต์ใช้ ตลอดจนนำไปปฏิบัติ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ในอีก 15 ปีข้างหน้า (2016 - 2030)
จริงๆ แล้วยังมีข่าวคราวมากมายสำหรับปี 2560 ความหวังว่าทุกอย่างจะ “มั่นคง-มั่งคั่ง-ยั่งยืน” นั้นก็ต้องเรียนว่า ขอให้โชคดีครับ!