สถาพร ศรีสัจจัง
ม.ช. นั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นชื่อย่อของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยที่จัดตั้งขึ้นในพื้นที่ภูธร เป็นมหาวิทยาลัยแรกของประเทศไทย ว่ากันว่า ความที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีลักษณะพิเศษทางประวัติศาสตร์หลายเรื่อง จึงทำให้บรรดาศิษย์เก่าที่เรียกตัวเองว่า “ลูกช้าง” ทั้งหลาย มักมีความรู้สึกภาคภูมิใจในมหาวิทยาลัยของตัวเองเป็นพิเศษ
และฟังว่า พวกเขาไม่เคยมีความรู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้ากว่าใครอื่นเลย ที่จะบอกใครๆอย่างเต็มปากว่า ตัวเองเรียนจบจาก “ร่มแดนช้าง” เมืองเชียงใหม่แห่งนี้
และฟังมาอีกว่า ระบบ “หอใน” (ปีแรกของการเรียนทุกคนต้องพักหอเดียวกัน)อันเข้มแข็งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้สร้างวัฒนธรรมเพาะบ่มให้นักศึกษาเก่าที่จบมาผูกพันกันเป็นพิเศษ
จะจริงเท็จอย่างไรในเรื่องนี้ อาจต้องลองถามศิษย์เก่าคนดังรหัส ‘12 (เข้าเรียนปี พ.ศ. 2512)อย่าง “ลุงกำนัน” ท่านสุเทพ เทือกสุบรรณดูก็ได้ เพราะฟังมาว่า “สิงห์ขาว” หรือรัฐศาสตร์ ม.ช.รุ่นรหัส ‘12 นั้นรักผูกพันกันนักหนาเชียวหละ
หรือไม่จะลองถามท่านสว.อย่าง ปรเทพ สุจริตกุล หรือ พลเอกนินนาท เบี้ยวไข่มุกด์ หรือ เอ้ด ภิรมย์ หรือ ชลิต เฟื่องอารมณ์ เพื่อนรหัสเดียวกันแทนก็น่าจะได้หรือเปล่า?
เอาเป็นว่า ที่ฟังๆมาจากโต๊ะกาแฟชาวลูกช้างเลือดสีม่วงทั้งหลายล้วนได้คำตอบตรงกัน ว่า “ลูก มช.” นั้น ปลิวไปตกที่ไหนก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ชั้นดี คือมักจะเติบโตงอกงามขึ้นให้ร่มเงาแก่แผ่นดินไทยเสมอ!
ในห้วงยามที่ผ่านมา ชื่อของชาวมช.ที่โด่งดังเป็นที่คาดหวังของสังคมอาจมีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในสายที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจทางการเมืองโดยตรงก็มีอยู่ไม่น้อย ตั้งแต่ สุเทพ เทือกสุบรรณ จรัส พั้วช่วย โอภาส รองเงิน(รหัส ‘12)
จาตุรนต์ ฉายแสง(รหัส ‘15?) อภิรักษ์ โกษะโยธิน จนถึงนายกฯ ชาวมช.อย่าง “หญิงปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นต้นแต่วันนี้ ชื่อของลูกช้างที่เข้าไปสังฆกรรมกับอำนาจรัฐโดยตรงอย่างเจ๋งๆและอย่างเป็นที่คาดหวัง ทั้งของชาวมวลชนและชาวมช.มีอยู่เพียหนึ่งเดียว นั่นคือท่านรัฐมนตรีหัวขาว-สุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ ศิษย์เก่ามช.รหัส'15 รุ่นเดียวกับจาตุรนต์ ฉายแสง และคนดังอีกหลายคน เช่น สมชาย เสียงหลาย อดีตปลัดกระทรวงวัฒนธรรมชาวเมืองตรังบ้านเดียวกับชวน หลีกภัย เป็นต้น
สุวพันธ์ ตันยุวรรธนะนั้นเป็น “สิงห์ขาว” ที่เติบโตมาจากระบบราชการโดยตรง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมากก็คือ เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีฝีมือจนได้รับการต่ออายุราชการทีเดียว เมื่อ “ส้มหล่น” ราชรถมาเกยไปดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งนายกฯลุงตู่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจเพื่อแก้ความยุ่งเหยิงของประเทศที่เกิดจากความขัดแย้งในเรื่องแนวคิดทางการเมืองในประเทศ จากรัฐบาลที่นำโดยสาวแกร่งแห่งมช.คือนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สาวเชียงใหม่ น้องสาวสุดเลิฟของทักษิณ ชินวัตร ที่ถูก “รุ่นพี่สิงห์ขาว” อย่าง “ลุงกำนัน” สุเทพ เทือกสุบรรณ นำ'มวลมหาประชาชน'ถล่มจนป่วนไปทั้งประเทศนั้น
งานสำคัญ(มาก)ชิ้นหนึ่งที่นายกฯลุงตู่มอบหมายให้สุวพันธ์ ในฐานะรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯทำ ก็คือการกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่รู้ๆกันว่าโยงเกี่ยวกับ “กรณีขาใหญ่” อย่างวัดพระธรรมกายของพระลือนามผู้มีฉายา'ธัมมี่'หรือ ธัมฺมชโย ศิษย์เอก'สมเด็จช่วง'เจ้าของนิยายเรื่อง'รถโบราณ'โดยตรง
เที่ยวนี้เองที่ สป็อต ไลท์สื่อมวลชนส่ายดวงไฟไปโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าของสุวพันธ์ฯเป็นเป้าใหญ่ ยิ่งเมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรีก่อนปีใหม่ ไม่รู้จะเพราะเป็นโชคดีหรือเป็นคราวเคราะห์ ลูกช้างท่านนี้ก็ได้สวมหัวโขนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแทนพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ที่ต้องไปรับตำแหน่งองคมนตรีสนองพระเดชพระคุณ
โปรไฟล์เกี่ยวกับเรื่องธรรมกายที่ท่านพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายาคนมีฝีมือทำไว้นั้นค่อนข้างดี ชาวบ้านชาวเมืองตั้งความหวังรอการแก้ปัญหาจาก'คนตรง'คนนี้อย่างใจจดจ่อ จู่ๆก็ถูก “ถอด” ให้ไปรับตำแหน่งสำคัญอื่นเสียฉิบ เล่นเอาขาเชียร์ทีมนายกฯลุงตู่แทบวูบไปหลายราย แต่ก็ยังหวังว่า ท่านรัฐมนตรีหัวขาวชาวมช. ที่เข้ามาเล่นบทดูแลสำนักงานดีเอสไอ.เจ้าของคดีธรรมกายแทนจะไม่เหลวเหมือนที่หลายเสียงบ่นๆเมื่อครั้งดูแลให้สำนักพุทธฯมาจัดการเรื่องนี้ ที่หลายใครว่า ดูแปร่งๆเพี้ยนๆพิกล!
ได้โอกาสสร้างวีรกรรมให้ชาติบ้านเมือง-ให้พระพุทธศาสนาอย่างนี้ทั้งที ก็อย่าลืมแสดงบทบาทให้ “เป้ะ” หน่อยก็แล้วกัน นะ เพื่อนพ้องน้องพี่ชาวสิงห์ขาวและชาวมช.หลายคนเขาย้ำเขาเตือนมาด้วยความห่วงใยว่า ยังไงเสียก็ต้องฝากลายลูกช้างไว้ให้ได้ทีเดียวเชียว!
แถมยังบอกฝากมาด้วยว่า เรื่องนี้ถ้าท่านรัฐมนตรีสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะร่วมสร้างวีรกรรมได้สำเร็จ นอกจากน่าจะได้ขึ้นสวรรค์แล้ว ชื่อของท่านอาจจะได้รับการบันทึกไว้ในบางบรรทัดของหน้าประวัติศาสตร์ไทยด้วยว่า เป็นคนที่ชาวไทยควรปรบมือให้อย่างไร!!!