วัฒนธรรมไม่ใช่มรดกที่จะต้องสืบทอดและรักษาไว้แบบรักษาของเก่า เก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ นั่นเป็นโบราณคดี ไม่ใช่วัฒนธรรม เพราะวัฒนธรรมนั้นจะต้องเจริญเติบโต ต้องแตกกิ่งก้านสาขาเสมอไป มีการเกิด มีการดับสูญ
“ถ้าเราจะสืบทอดวัฒนธรรม ผมอยากจะให้เข้าใจว่าไม่ใช่การสืบมรดก พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีอยู่เท่าไหร่ก็สืบกันไปอย่างนั้นอย่าให้สูญหาย เป็นไปไม่ได้ ทำอย่างนั้นเป็นการเก็บของเข้าพิพิธภัณฑ์...... วัฒนธรรมจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง มีการเจริญเติบโต ต้องมีการแตกกิ่งก้านสาขาเสมอไป จะให้คงที่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นของในเมืองไทยหลายสิ่งหลายอย่างแต่ก่อนถือว่าเป็นวัฒนธรรมไทย แล้วมีอยู่เป็นประจำ ยกตัวอย่างที่เห็นง่าย ๆ อย่างเช่น การแสดงประจำ อย่างหนังใหญ่ หุ่น เหล่านี้เป็นต้น เดี๋ยวนี้เรียกว่าสูญ ถึงจะมีอยู่ ก็เหลือน้อยจนไม่สามารถจะคงทนต่อกาลเวลาไปได้ ชีวิตใกล้ฝั่งเต็มทีแล้ว ในที่สุดก็ต้องสูญ ที่เป็นเช่นนี้เพราะสภาพบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป กาลสมัยเปลี่ยนแปลงไป การแสดงแบบหนังใหญ่เป็นการแสดงที่ต้องใช้เวลามาก เป็นการแสดงที่ต้องนั่งดูกันทั้งคืนทั้งวัน คนสมัยปัจจุบันไม่มีเวลาจะไปแสดงอย่างนั้น....
การจะสืบทอดวัฒนธรรมนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และเวลา เราต้องมีเวลารักษาด้วย ในส่วนของสถานการณ์นั้น ยกตัวอย่างเช่น เมืองไทยสมัยก่อนอุดมสมบูรณ์มาก เวลาจะจัดสำรับคับค้อนต้องตั้งให้มันล้นชามล้นถ้วยตักเท่าไรไม่หมด ‘ไม่งั้น ไม่มีวัฒนธรรม ใครเห็นเข้าดูถูกได้’ ในส่วนของเวลา แต่ก่อนเรามีเวลามาก ไม่รีบเร่งเหมือนเดี๋ยวนี้ ก็มีเวลาจัดอาหารให้สวยงาม วิจิตรพิสดาร หรืออย่างวรรณคดี การจะสืบทอดก็ต้องมีเวลา ‘ผมอยากจะสร้างปัญหาให้เกิด คนทุกวันนี้มีเวลาอ่านวรรณคดีหรือไม่’ ไม่ต้องถึงวรรณคดี แม้แต่ข่าวสารที่เข้ามาถึงตัวทุกวันนี้ มีเวลาอ่านหรือไม่ลาจะไปแสดงอย่างนั้น” (คึกฤทธิ์ ปราโมช)
แม้ภาษา ก็ยังต้องเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ
“มีศัพท์เกิดขึ้นใหม่ มีอะไร ๆ ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ท่านเดือดร้อน แต่ผมกลับไม่เห็นด้วย ตราบใดที่มันเป็นภาษาไทย มันก็เป็นวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่เรารักษา เป็นสิ่งที่เราสืบทอด ศัพท์แสงจะเปลี่ยนไปเป็นเรื่องธรรมดา มันเปลี่ยนมากี่ร้อยปีแล้ว ถ้าไปเอาภาษาไทยสมัยสุโขทัยมาเทียบกับภาษาไทยปัจจุบันที่ท่านผู้ใหญ่ ท่านผู้รู้ ท่านถือว่าถูกต้อง มันก็ไม่เหมือนกัน”
ยกเว้นแต่เรื่องการพูดราชาศัพท์ เป็นรูปแบบอย่างหนึ่งของการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมที่ไม่ควรให้ผิดพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ทีทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับราชสำนัก พวกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ผู้บริหารประเทศ ต้องรู้ราชาศัพท์ เมื่อมีโอกาสต้องเข้าเฝ้าฯ เจ้าหน้าที่ทำงานสำนักพระราชวังไม่รู้ราชาศัพท์ คบไม่ได้ คือไม่รู้จักหน้าที่ของตน ไม่ใช่เรื่องประเพณีสูงต่ำอะไร
ราชาศัพท์นั้น ผมกลับเห็นว่า คนที่มีหน้าที่จะต้องใช้เห็นจะต้องรู้........ ถ้าไม่รู้อย่าใช้ดีกว่า ถ้าใช้ควรใช้ให้ถูก” (จากหนังสือ “คึกฤทธิ์วินิจฉัย สุนทรียวินิจฉัย”)