อาวุธของ “คนที่ต่างประเทศ” ยังไม่หมด แม้ “พรรคไทยรักษาชาติ” จะถูกคำสั่งของ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ให้ต้องยุบพรรคลงไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา
เพราะอย่างน้อยที่สุด “ซาก” บางชิ้น บางส่วนที่หลงเหลือจากไทยรักษาชาติ กำลังแปรเปลี่ยนมาสู่บทบาทใหม่ ภายใต้ชื่อกลุ่ม “ก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย” คืออดีตแกนนำพรรคไทยรักษาชาติที่เพิ่งเปิดแถลงข่าวถึงบทบาทและภารกิจนับจากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.
“กลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย” เปิดตัวแถลงข่าวกับสื่ออย่างเป็นทางการ นำโดย จาตุรนต์ ฉายแสง ,ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ,เหวง โตจิราการ ก่อแก้ว พิกุลทอง นิมคม ไวยรัชพานิช พิชัย นริพทะพันธุ์ ประภัส จงสงวน นายอุเมส ปานเดย์ และพชร ธรรมมล ต่างประกาศจุดยืนว่าจากนี้ไปพวกเขาจะใช้ “สถานะ” ที่ยังเหลืออยู่คือการเป็นประชาชนและนักการเมือง จะเปิดเวทีสื่อสารกับประชาชน เพื่อจะใช้สิทธิ์แสดงความเห็นทางการเมือง โดยจะทำกิจกรรมในตามภูมิภาคต่างๆ เพื่อต่อต้านรัฐประหาร นำประชาธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชน
ในความเป็นจริงแล้ว การที่อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติกลุ่มนี้ที่นำโดยจาตุรนต์ ออกแอคชั่นหลังเหลือเพียงสถานะประชาชนนั้นกำลังสะท้อนภาพจริงที่ว่า กลุ่มนี้คือ “ผู้เล่นหลัก” หาใช่ “14กรรมการบริหารพรรค” ที่ถูกตัดสิทธิ์ อันเนื่องมาจากคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ว่าไทยรักษาชาติจะถูกยุบหรือไม่ก็ตาม กลุ่มของจาตุรนต์ คือผู้เล่นหลักในสนาม ดังนั้นแม้พรรคจะถูกยุบ แต่ภารกิจและหน้าที่ของคนกลุ่มนี้จึงไม่ได้ลงไปด้วย
ในทางตรงข้าม หาก14กรรมการบริหาร ที่ถูกตัดสิทธิ์ เป็นฝ่ายที่เหลือรอด จากคำพิพากษาก็ไม่สามารถดำเนินบทบาทในภาคสนามด้วยรูปแบบเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน ยิ่งหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้เมื่อครั้งเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคไทยรักษาชาติ กรณี “เด็กเส้น” คนแวดล้อม “นายใหญ่” กลับได้นั่งปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆ แต่คนที่ทำงาน ลุยในภาคสนามคือกลุ่มนี้ซึ่งมีชื่อไปติดอยู่ในปาร์ตี้ลิสต์อันดับเลขสองตัว โอภาสได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แทบไม่มี
ขณะที่คนที่รอดชีวิตจากคดียุบพรรคได้แปรเปลี่ยนมาสู่กลุ่มก้าวต่อไปฯ และเตรียมเดินสายทำกิจกรรมต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ดึงคะแนนของไทยรักษาชาติไปยังพรรคแนวร่วมในแต่ละเขตเลือกตั้ง แต่ละจังหวัด เมื่อไม่มีผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติกันแล้ว
ปฏิบัติการปลุกเร้าพี่น้องประชาชนด้วยการชูแนวคิดต้านเผด็จการ ทวงคืนประชาธิปไตยจากฝ่ายตรงข้ามคสช. จะกระหึ่มนับจากนี้ไปโดยไม่ต้องสงสัย และที่สำคัญหากจับทิศทางให้ดี จะพบว่าเกิดการประสานเสียง มาจากพรรคแนวร่วมของพรรคเพื่อไทย ในท่วงทำนองเดียวกัน ร้องเพลงคีย์เดียวกัน โดยนัดหมาย !