ความหวังริบหรี่ แทบไม่มีแสงสว่าง จากปลายอุโมงค์ สำหรับ ชะตากรรมของ “พรรคไทยรักษาชาติ” เพราะแกนนำพรรค ไปจนถึง “คนที่ต่างประเทศ” ประเมินทิศทางลมแล้วพบว่า โอกาสรอดจาก “คดียุบพรรค” นั้นแทบไม่มี ! ความเงียบงันปกคลุมไปยังผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติ กระจายไปทั่วทั้งที่ทำการพรรคย่านหลักสี่ -แจ้งวัฒนะ ไปจนถึงตามเขตเลือกตั้งในจังหวัดต่างๆ เพราะแม้แกนนำระดับบิ๊กเนม จะพากันเดินสายเพื่อช่วยลูกพรรคหาเสียงก็ตา ม แต่ลึกๆแล้วพวกเขาต่างรู้ดีว่านี่คือความพยายามรักษาและประคองขวัญกำลังใจ กันอย่างที่สุด ด้วยเหตุนี้ จึงมีความเคลื่อนไหวจากแกนนำของพรรคไทยรักษาชาติ ไปจนถึงแกนนำพรรคสาขา อย่าง พรรคเพื่อชาติ พรรคเพื่อไทยในฐานะ “ทัพใหญ่” และพรรคพันธมิตร อย่าง พรรคประชาชาติ และพรรคเสรีรวมไทย ต่างเอาโพลที่สะท้อนคะแนนเสียงในแต่ละพรรค แต่ละพื้นที่กันแล้ว “แกนนำ5พรรค ได้หารือกันไปไกลกว่าเรื่องของการยุบพรรคแล้ว เพราะในความเป็นจริงแล้วทุกอย่างจะต้องเดินหน้าต่อไป เมื่อพรรคไทยรักษาชาติเกิดปัญหา เราต้องมาดูกันต่อว่า แล้วคะแนนเสียง ของไทยรักษาชาติ จะสามารถกระจายไปยังพรรคพันธมิตรของเราได้ในจุดไหนบ้าง เพื่อที่จะให้ยังคงความได้เปรียบเอาไว้ ไม่เช่นนั้นคะแนนจะถูกแย่งออกไปยังพรรคการเมืองฝั่งตรงข้ามทันที” แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อชาติ ระบุ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่หลายคนกังวลคือสิ่งที่จะเกิดผลกระทบตามมาเมื่อภายหลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบพรรคจริง คือความผิดในคดีอาญา มาตรา 112 ซึ่งประเด็นนี้จะนำไปสู่การขยายผลและเกิดผลลัพธ์ที่หนักหนามากขึ้น ทั้งนี้ แผนการเล่นต่อไปสำหรับพรรคพันธมิตร หากเกิด “อุบัติเหตุ” กับพรรคไทยรักษาชาติ คือการหยิบโพลที่พรรคเพื่อไทย ทำขึ้นมาเป็นการภายใน รวมทั้งโพลลับจากหน่วยงานต่างๆ ที่สะท้อนถึงความเป็นจริงในแต่ละเขตเลือกตั้งว่าเมื่อในเขตนั้นไม่มีพรรคไทยรักษาชาติ แล้ว โอกาสและความเป็นไปได้จะเทไปยังพรรคใด ในกลุ่มพรรคพันธมิตร เนื่องจากในบางพื้นที่ ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย อาจจะเหนือกว่า พรรคเพื่อชาติ หรือในกรณีของพื้นที่เขตเลือกตั้งใน3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ต้องพิจารณาไปยัง พรรคประชาชาติที่มีฐานเสียงใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เหนือกว่าตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติ หรือพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ดี สิ่งที่พรรคพันธมิตรที่เชื่อมโยงกันกับ “คนที่ต่างประเทศ” เพ่งมองและต้องการที่จะกระจายเสียงจากพรรคไทยรักษาชาติ คือพรรคอนาคตใหม่ ที่เวลานี้ ต้องยอมรับว่าพรรคอนาคตใหม่ คือพรรคการเมืองที่มีกำลังเป็น “ตัวแปร” สำหรับเสียงของ “กลุ่มรุ่นใหม่” ค่อนข้างชัดเจน ทว่าในความเป็นจริงแล้ว พรรคอนาคตใหม่ กลับกลายเป็น “โจทย์ข้อยาก” ในเกมใหม่ที่พรรคพันธมิตร ฝั่งตรงข้ามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.) วางเอาไว้อย่างสิ้นเชิง เพราะพรรคอนาคตใหม่ เลือกที่จะไม่อยู่ในสังกัดหรือรับคำสั่งจากแกนนำหลักของพรรคเพื่อไทย กลับเลือกที่จะเดินหน้าทำแต้มในลักษณะ “บินเดี่ยว”เพื่อประกาศตัวชนกับคสช. เกมการเล่นในหมากต่อไปสำหรับฝั่งตรงข้ามคสช.นั้น ต้องถือว่าดุเดือด และแยบยลไม่น้อย โดยจะเป็นแผนการเล่นที่ได้เรียนรู้แล้วว่ากลยุทธ์แตกแบงค์พัน เป็นแบงค์ร้อยนั้นพังไม่เป็นท่า ดังนั้นจากนี้ไป จึงจะต้องขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ “คะแนนเสียง” จากไทยรักษาชาติ อย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกฝั่งตรงช่วงชิงเอาไป ในยามที่เพลี่ยงพล้ำ !