การเซ็ทอัพ เวทีปราศรัยเพื่อปูทางต้อนรับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ในฐานะผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็น “แคนดิเดตนายกฯ” ของ “กุนซือ” แห่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้วางคิวกันเอาไว้ที่เมืองย่าโม จ.นครราชสีมา ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ภายใต้ความเชื่อมั่นของคนในพรรคพลังประชารัฐว่า การดึง พล.อ.ประยุทธ์ มาขึ้นเวทีปราศรัยครั้งนี้จะสร้างแรงสั่นสะเทือน พลิกมากุมกระแส เหนือ “คู่แข่ง” ได้อย่างแน่นอน !
“ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่รักของประชาชน การที่มาสื่อสารพบปะประชาชน โดยตรงในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ และที่ผ่านมาพรรคไม่เคยมีโอกาสแบบนี้มาก่อน จึงเป็นสิ่งที่เข้ามาเพิ่มเติมในจุดที่ขาดไปของพรรคก็ย่อมจะเป็นประโยชน์กับพรรค
และพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็นบุคคลที่พรรคมีความหวังว่าจะเป็นแกนนำและเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่เหลือพรรคมีแผนยุทธศาสตร์ในการดำเนินงานของพรรค โดยต้องดูสถานการณ์ทางการเมืองประกอบด้วย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร และต้องปรับในเรื่องใดบ้าง” สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธฺการพรรคพลังประชารัฐ แสดงความมั่นใจกับสื่อว่าพรรคมีแนวโน้มที่จะได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้น
และในวันเดียวกัน ประเด็นที่เคยเป็นข้อกังขา ที่ว่าด้วย “สถานะ” ของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าเป็น “เจ้าหน้าที่รัฐ” หรือไม่ และจะกระทบต่อ “คุณสมบัติ”การถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกฯของพลังประชารัฐหรือไม่ ได้ถูกอธิบายโดย “มือกฎหมายรัฐบาล” อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี แจงสี่เบี้ยออกมาแล้ว
“ ที่ผมบอกว่านายกฯ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในความหมายของการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นข้าราชการการเมือง ถึงอย่างไรก็ต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่บังเอิญรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (12) ระบุไว้ว่า คนที่จะสมัคร ส.ส. หรือส.ว. หรือผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องไม่ขัดกับมาตรา 98 (12) ที่เขียนว่าจะต้องไม่เป็นข้าราชการ ยกเว้นข้าราชการการเมือง
ซึ่งนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมือง เพราะฉะนั้นจึงได้รับการยกเว้นว่าสามารถเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันไปเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีได้ แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรานี้ ”(4 มี.ค.2562)
เมื่อทางสะดวก เปิดประตูรอให้พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเดินขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงเพื่อช่วยผู้สมัครได้ในวันที่ 10 มี.ค.นี้ แล้วก็ตาม แต่ใช่ว่าความวุ่นวายและความยุ่งยากจะไม่ตามมา เพราะอย่าลืมว่าเวลานี้ บรรดา “กองแช่ง” ต่างพากัน จับจ้อง ติดตามทุกความเคลื่อนไหวในทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ อย่างไม่ลดละ
เพราะหากพรรคพลังประชารัฐ ประเมินว่าการที่พรรคมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็น “ตัวขาย” เตรียมกวาดคะแนนในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง แต่ในขณะเดียวกัน คงต้อง “เผื่อใจ” เอาไว้ด้วยว่า เมื่อเลือกที่จะดึงพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาสู่ “ที่แจ้ง” โอกาสที่จะกลายเป็น “เป้านิ่ง” ย่อมมีสูงเช่นกัน
อีกทั้งอย่าลืมว่าข้อสมมติฐานของกุนซือพรรคพลังประชารัฐ ที่เชื่อมั่นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นตัวดึงคะแนน จากพี่น้องประชาชน นั้นมีขึ้น “ก่อน” วันปราศรัย แต่ยังไม่มีใครยืนยันได้ว่า หากมาถีงวันที่พล.อ.ประยุทธ์ ก้าวขึ้นสู่เวทีปราศรัยจริงทั้งที่โคราชและกทม. แล้วทุกอย่างจะราบรื่น เป็นไปตามแผนการเล่น ได้จริงหรือไม่ ?!